ข่าวใหม่อัพเดท » แรงศรัทธากุศลร่วมนำส่งของผู้กราบไหว้องค์พญานาค “มูลนิธิพญาศรีสัตตนาคราช” มอบเงินช่วยเหลือประชาชนถูกปิดหมู่บ้าน จากสถานการณ์โควิดระบาด 5 หมื่นบาท

แรงศรัทธากุศลร่วมนำส่งของผู้กราบไหว้องค์พญานาค “มูลนิธิพญาศรีสัตตนาคราช” มอบเงินช่วยเหลือประชาชนถูกปิดหมู่บ้าน จากสถานการณ์โควิดระบาด 5 หมื่นบาท

19 มกราคม 2022
0

นครพนม – แรงศรัทธากุศลร่วมนำส่งของผู้กราบไหว้องค์พญานาค “มูลนิธิพญาศรีสัตตนาคราช” มอบเงินช่วยเหลือประชาชนถูกปิดหมู่บ้าน จากสถานการณ์โควิดระบาด 5 หมื่นบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานจากห้องรับรองผู้ว่าราชราชการจังหวัดนครพนม ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครพนม โดยนายสมชาย วิทย์ดำรงค์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คนที่ 40 ในฐานะประธานมูลนิธิพญาศรีสัตตนาคราช ได้มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ ประกอบด้วย นายสุรัตน์ ก้องเกียรติกมล, นายโชคดี มังคละคีรี, นายวัฒนศักดิ์ เจียวิริยบุญญา, นายสมพงษ์ ชัยยิ้ม, นายพิเชฏฐ์ หลั่งทรัพย์, นายธนคม รัตนเมธาวงศ์, นางวิไลลักษณ์ โทพล และ น.ส.มัลลิกา มณีประกรณ์ นำเงินสดจำนวน 50,000 บาท (ห้าหมื่นบาท) มอบให้กับนายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เพื่อนำไปช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนผู้ได้รับผล กระทบจากกรณีปิดหมู่บ้าน หลังตรวจพบมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19

เนื่องจากปัจจุบันโควิดระลอกใหม่ ได้แพร่ระบาดในพื้นที่หลายจังหวัด และในห้วงเวลาที่ผ่านมาจังหวัดนครพนม มีผู้ติดเชื้อโควิดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา มีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา ส่วนใหญ่เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง กอปรมีบางคนย่อหย่อนกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงขั้นต้องปิดหมู่บ้านห้ามบุคคลเข้า-ออกพื้นที่ เพื่อตรวจคัดกรองเชิงรุกตั้งแต่ 7-14 วัน ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวนี้เป็นหนึ่งในหลายๆกิจกรรมของมูลนิธิพญาศรีสัตตนาคราช

ทั้งนี้ องค์พญาศรีสัตตนาคราช แลนด์มาร์คชื่อดังของจังหวัดนครพนม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม โดยปี พ.ศ.2556 นายอุกูล ตังคณานุกูลชัย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คนที่ 38 นายนิวัต เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม ตลอดจนผู้แทนวัฒนธรรมจังหวัดฯ และคนอื่นๆ ได้จัดเวทีเสวนาพูดคุยร่วมกับผู้นำชุมชนและท้องถิ่น ว่า ต้องการจะสร้างประติมากรรมที่บริเวณลานพนมนาคา และประติมากรรมนั้นจะต้องเกี่ยวข้อง สอดคล้องกับวิถีชีวิตคนในท้องถิ่น ทุกคนจึงมีความเห็นตรงกันว่าควรสร้างเป็นพญานาค เพราะพญานาคมีลักษณะที่งดงามและอยู่ในแม่น้ำโขง โยจะทำให้เป็นจุดขายเมืองนครพนม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว นายอนุกูลจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการ คณะทำงานประกอบด้วยผู้แทนภาครัฐ เอกชน รูปแบบประชารัฐ เพื่อประชุมเสวนาระดมความคิดอย่างกว้างขวาง และเสนอโครงการผ่านการเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารงานกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ กระทั่งได้งบประมาณจังหวัดปี พ.ศ.2556 จำนวน 9,870,000 บาท (เก้าล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน)

ต่อมา ปี พ.ศ.2557 นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คนที่ 39 ได้สืบสานงานต่อก่อสร้างประติมากรรมพญานาคเพื่อเป็นแลนด์มาร์ค(Landmark) ของจังหวัดนครพนม และโครงการยกระดับพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดสนุก(สกลนคร นครพนม มุกดาหาร) เพื่อความเป็นเลิศในอนุภาคอินโดนจีนรองรับ AEC และปี พ.ศ.2558 พล.ต.สนธยา ศรีเจริญ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210(ในขณะนั้น) ได้นำกำลังทหาร นักพัฒนา อาสาสมัครผู้มีหัวใจบำรุงพระพุทธศาสนาจากค่ายพระยอดเมืองขวางมาช่วยเป็นกำลังเสริมปรับปรุงบริเวณดังกล่าวให้สวยงามสะดุดตา

ปี พ.ศ.2559 นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คนที่ 40 ได้เสนอโครงการผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารจังหวัดแบบบูรณาการ จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม 2 โครงการ และขณะในช่วงการรอคอยรูปหล่อองค์พญานาคนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นายพเชษฎฐ์ หลั่งทรัพย์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิค(ในขณะนั้น) นายสุรัตน์ ก้องเกียรติกมล เลขานุการหอการค้าจังหวัดนครพนม(ในขณะนั้น) ได้วางแผนการรองรับ ขับเคลื่อนบริหารจัดการองค์ประติมากรรมพญานาค โดยมิต้องรอการของบประมาณจากภาครัฐเพียงฝ่ายเดียว จึงได้คิดจัดหากองทุนสนับสนุนการสมโภชองค์พญานาค โดยได้จัดสร้างเหรียญพญานาค/รูปหล่อ รุ่นมหาสิทธิโชค เพื่อให้ประชาชนได้เช่าบูชาเหรียญที่ระลึกอันเป็นปฐมฤกษ์ ซึ่งปัจจุบันเหรียญรุ่นนี้มีราคาพุ่งถึงหลักหมื่น

โดยองค์พญานาคสร้างด้วยทองเหลืองทั้งองค์ กว้าง 4.49 เมตร สูง 10.90 เมตร นำหนักรวม 9 ตัน (9,000 กิโลกรัม) ถูกนำขึ้นประดิษฐานบนแท่นรวมความสูง 16.29 เมตร ถือเป็นพญานาคองค์เดียวที่ไม่เหมือนแห่งใดในโลก เพราะที่พระศอมีสร้อยสังวาลย์ที่นำเอาสัญลักษณ์เหนือซุ้มประตูองค์พระธาตุพนมมาสวมคล้องไว้ แสดงถึงองค์พญานาคที่มีความผูกพัน เชื่อมโยงพิทักษ์ ปกป้องรักษาองค์พระธาตุพนมตามตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมานานชั่วอสงไขย

วันที่ 9 กันยายน 2559 องค์พญาศรีสัตตนาคราชก็อัญเชิญขึ้นสู่แท่น โดยหันหน้าไปทางทิศเหนือเฉียงตะวันออก ที่ 6 องศา 20 พิลิปดา สายตาพญานาคจะมองตัวเมืองนครพนม แสดงถึงการปกปักรักษา คุ้มครองเมืองนครพนม อันจะนำมาสู่ความเจริญรุ่งเรืองกว้างไกลยิ่งใหญ่ไพศาล และแสดงถึงการว่ายไหลทวนกระแสน้ำโขงขึ้นไปทางเหนือ เปรียบประดุจการมีพละกำลังกายที่แข็งแรง การหันหน้าเฉียงไปทางทิศตะวันออกแสดงถึงหนทางที่ออกไปสู่แสงสว่างทุกช่องทางการเศรษฐกิจค้าขายลงทุนคล่องตัวปราศจากปัญหา อุปสรรคทั้งปวง
จากนั้นมาก็มีประชาชนหลั่งไหลจากทั่วสารทิศ กราบไหว้ขอพรองค์พญาศรีสัตตนาคราชบันดาลโชคลาภเป็นจำนวนมาก พร้อมร่วมทำบุญลงในตู้บริจาค จากเดิมตั้งเป็นกองทุนพญาศรีสัตตนาคราช นำเงินจากแรงศรัทธาของประชาชนสร้างห้องพิเศษสำหรับคนไข้ใน รพ.นครพนม หลายห้องด้วยกัน และช่วงวิกฤตโควิดผู้ป่วยก็ได้ใช้ห้องพิเศษนี้รักษาตัวจนหาย ภายหลังตั้งเป็นมูลนิธิพญาศรีสัตตนาคราช นำเงินจากการทำบุญของประชาชนร่วมสมทบช่วยเหลือทั้งภาครัฐ เอกชนหลายต่อหลายครั้ง เช่น ล่าสุดที่มอบเงินช่วยเหลือประชาชนที่ถูกปิดหมู่บ้านจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด


เทพข่าวร้อน รายงาน

error: Content is protected !!