ข่าวใหม่อัพเดท » “บิ๊กปั้ด ผบ.ตร.” แถลงข่าว รวบขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายเข้ามาในราชอาณาจักร และบุกรวบต่างชาติ-ไทย 111 ราย จัดปาร์ตี้เสี่ยงโควิด-19 ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวส์

“บิ๊กปั้ด ผบ.ตร.” แถลงข่าว รวบขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายเข้ามาในราชอาณาจักร และบุกรวบต่างชาติ-ไทย 111 ราย จัดปาร์ตี้เสี่ยงโควิด-19 ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวส์

28 มกราคม 2021
0

“บิ๊กปั้ด ผบ.ตร.” แถลงข่าว รวบขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายเข้ามาในราชอาณาจักร และบุกรวบต่างชาติ-ไทย 111 ราย จัดปาร์ตี้เสี่ยงโควิด-19 ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวส์

วันที่ 27 ม.ค.64 เวลา 13.30 น. ณ ห้องศรียานนท์ โซน c ชั้น 2 อาคาร 1 ตร. : พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.(มค) แถลงข่าว การจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวท่ีผิดกฎหมายเข้ามาในราชอาณาจักร จำนวน 2 คดี คือ

คดีที่ 1 เมื่อวันที่ 3 ม.ค.64 บก.ตม.1 ได้สืบสวนทราบว่า มีคนต่างด้าวคล้ายโรฮีนจาเข้ามาพักอาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 121/1 ม.1 ซ.เชิดวุฒากาศ 9/1 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กทม. จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรคเข้าตรวจสอบพบภายในบ้านหลังดังกล่าว มีกลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา (โรฮีนจา) จำนวน 19 ราย หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยพบว่าในกลุ่มดังกล่าวมีแรงงานที่มีผลตรวจโควิดเป็นบวกกว่า 7 ราย ทำให้ต้องกักตัวทั้งเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานจำนวนหนึ่ง ต่อมาจากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า เป็นกลุ่มที่เดินทางจากรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา เข้ามาประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ อ.แม่สอด จ.ตาก แล้วลักลอบเดินทางจาก อ.แม่สอด จ.ตาก เข้าสู่ที่เกิดเหตุโดยมีคนไทยและคนต่างชาติให้การช่วยเหลือฯ และรับผลประโยชน์ในกรณีดังกล่าว

ชุดสืบสวน สตม.จึงได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐานในกรณีดังกล่าวจนพบว่ากลุ่มขบวนดังกล่าวเป็นแก๊งค์ขนแรงงาน นำโดย เจ๊ดา บุคคลสัญชาติเมียนมาร์ และนายอุสเซ็น หรือบาบู ซามิ สัญชาติเมียนมาร์ เป็นตัวการร่วมกับพวกซึ่งเป็นคนไทยและอดีตข้าราชการกระทำความผิด จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานจนกระทั่งศาลอนุมัติหมายค้นและหมายจับกลุ่มเครือข่ายดังกล่าว

โดยเมื่อวันที่ 25 ม.ค.64 เวลา 06.30 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช. ภ.6, พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต. รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ศุภชัจจ์ เปี่ยมมนัส รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรติ รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5, พ.ต.อ.สุทธิพงศ์ เป็กทอง รอง ผบก.ภ.จ.ตาก, พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1, ว่าที่ พ.ต.อ. จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3, ว่าที่ พ.ต.อ.เจริญพงษ์ ขันติโล ผกก.ตม.จ.ปทุม ธานี, ว่าที่ พ.ต.อ.ชย พาหะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม., พ.ต.อ. สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผกก.ตม.จ.ตาก นำกำลังข้าราชการตำรวจในสังกัด พร้อมหน่วยงานร่วมและหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมตรวจค้นพร้อมกันในพื้นที่ 5 จังหวัด ดังนี้

1.พื้นที่ จ.ตาก มีเป้าหมายตรวจค้น 2 จุด คือ บ้านเลขที่ 81/2 สองแคว 1 ต.แม่สอด อ.แม่ สอด จ.ตาก และบ้านเลขที่ 137 ม.5 บ้านหนองกิ่งฟ้า ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ผลการปฏิบัติสามารถจับกุม ผู้ต้องหา 3 ราย ได้แก่ นายณัฐกร อิสแมน พร้อมของกลางรถยนต์ กระบะ ยี่ห้อ TOYOTA VIGO สีบรอนซ์ ทะเบียน กค 7398 ตาก (รถขน), พลฯ นภวัต หรือศราวุธ จินดา (อดีตข้าราชการตำรวจถูกจับและไล่ออก ปี 2555) พร้อมของกลางรถยนต์ กระบะ Toyota Revo ทะเบียน บน 4826 ตาก (รถนำ), และนายวิเชษฐ์ สุขศรี พร้อมของกลางรถยนต์ กระบะ ยี่ห้อ TOYOTA VIGO สีบรอนซ์ ทะเบียน กค 7398 ตาก (รถขน)

2.พื้นที่ กทม. ตรวจค้นบ้านเลขที่ 11/192 ซอยช่างอากาศอุทิศ 12 แขวง/เขตดอนเมือง กทม. ผลการตรวจค้นจับกุม น.ส.ศิริพร บัวพิมพ์ (ภริยาของนายบาบู) และนางระมัย ไชยมาและตรวจยึดสมุดบัญชีและโทรศัพท์ไว้เพื่อตรวจสอบ

3.พื้นที่ จ.ปทุมธานี ตรวจค้นบ้านเลขที่ 16/09602 และเลขที่ 16/09603 บ้านเอื้ออาทร ต. คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ผลการตรวจค้น เก็บหลักฐานข้อมูลโทรศัพท์มือถือ และสมุดบัญชีธนาคารเพื่อสืบสวนขยายผล

4.พื้นที่ จ.นราธิวาส ตรวจค้นบ้านเลขที่ 198/54 หมู่บ้านเนเจอร์โฮม หมู่ 5 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย โดยได้ตรวจสอบเก็บหลักฐานข้อมูลโทรศัพท์มือถือ และสมุดบัญชีธนาคารเพื่อทำการสืบสวนทางเทคนิคและการสื่อสาร เส้นทางการเงิน

5.พื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ตรวจค้นเป้าหมายห้องเช่าซึ่งเช่าไว้เพื่อให้คนต่างด้าวพักอาศัย ดังนี้ บ้านเลขที่ 548/5 ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช, บ้านเลขที่ 43/4 ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช, และบ้านเลขที่ 424/1 ม.7 ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ผลการตรวจค้นได้จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย ได้แก่ นายละมอ สัญชาติเมียนมาร์ และนายมอ มอ ทุย สัญชาติเมียนมาร์ พร้อมกับได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ 2 คัน และอุปกรณ์ที่ใช้ช่วยเหลือคนต่างด้าวให้หลบหนีจากที่กักตัว ได้แก่ ประแจเบอร์ 19, แม่กุญแจยี่ห้อ ASCC มีร่องรอยถูกงัดจนหัก และสมุดบัญชีธนาคาร สรุปผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 7 ราย และยึดของกลางเป็นรถยนต์จำนวน 5 คัน พร้อมด้วยโทรศัพท์มือถือและบัญชีธนาคารจำนวนหนึ่ง และจะได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินการกับผู้กระทำความผิดและเครือข่ายที่ยังหลบหนีต่อไป

ทั้งนี้ คณะทำงานสืบสวนปราบปรามเครือข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีแผน การปฏิบัติร่วมกัน ดังนี้

  1. บูรณาการด้านการข่าวระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง แรงงาน และสาธารณสุข ตลอดจนภาคประชาชน
  2. ร่วมกันสกัดกั้นตามแนวชายแดน ตั้งด่านสกัดกั้นเป็นใยแมงมุมป้องกันการลักลอบการนำพาบุคคลต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน และบูรณาการข้อมูลการตรวจสอบแรงงานต่าวด้าวในพื้นที่ชั้นใน
  3. สืบสวนปราบปราม จับกุมขบวนการเครือข่ายนายหน้าเถื่อนที่ลักลอบนำบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร สอบสวนขยายผลขบวนการนำพาคนต่างด้าวผิดกฎหมายลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ที่เคยมีพฤติการณ์กระทำความผิดในห้วงที่ผ่านมาและที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน โดยอาศัยฐานข้อมูลร่วมกัน
  • ผลการปฏิบัติในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี พ.ศ.2562-2563 เป็นดังนี้
    • ปี พ.ศ.2562 หลบหนีเข้าเมือง 208,791 นำพาฯ 206 ช่วยเหลือฯ 580
    • ปี พ.ศ.2563 หลบหนีเข้าเมือง 68,942 นำพาฯ 312 ช่วยเหลือฯ 684
  • และผลการปฏิบัติในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะทำงานสืบสวนปราบปรามเครือข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตั้งแต่ 1-25 มกราคม 2564 เป็นดังนี้
    • การดำเนินการ ผลการจับกุมต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 266 ราย
    • ผลการจับกุมผู้นำหรือพาคนต่างด้าวโดยผิดกฎหมาย จำนวน 16 ราย
    • ผลการจับกุมผู้ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น คนต่างด้าวโดยผิดกฎหมายจำนวน 62 ราย
    • ระดมกวาดล้างขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวตามหมายจับ (CCOC) จำนวน 19 หมาย
    • สืบสวนขยายผลขบวนการ/เครือข่าย นำพาแรงงานต่างด้าว มากกว่า 5 ขบวนการ/เครือข่าย

คดีที่ 2 บุกรวบต่างชาติ-ไทย 111 ราย จัดปาร์ตี้เสี่ยงโควิด-19 ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวส์ : เจ้าหน้าที่ ตม.จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าที่ร้าน 360 (Three Sixty Bar) เลขที่ 85/2 ม.7 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี มีการจัดปาร์ตี้เนื่องในวันครบรอบ 5 ปี ของร้าน โดยมีการจัดเป็นสถานบันเทิงโดยการเปิดเพลง ในลักษณะการจัดงานปาร์ตี้และมีการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เมื่อได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และสนธิกำลังร่วมกันวางแผนเข้าตรวจสอบ จนกระทั่งวันที่ 26 ม.ค.64 เวลาประมาณ 21.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้เข้าตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวพบว่า มีการจัดสถานที่เป็นสถานบันเทิง โดยการเปิดเพลง และจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่ลูกค้าชาวต่างชาติและคนไทยจำนวนมาก

โดยมีการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคโควิด-19 และตรวจพบมีการตั้งเคาท์เตอร์บาร์จำหน่ายสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวนมาก และจากการตรวจสอบพบผู้ที่เข้าร่วมงานเป็นชาวต่างชาติทั้งสิ้นจำนวน 89 ราย ประกอบด้วย ชาย 38 ราย, หญิง 51 ราย และคนไทยทั้งสิ้นจำนวน 20 ราย ประกอบด้วย ชาย 7 ราย, หญิง 13 ราย ระหว่างตรวจสอบได้มี นายพงศ์ดารัณ ลิ้มโอชากุล อายุ 40 ปี แสดงตนเป็นเจ้าของสถานที่และผู้จัดสถานบันเทิงดังกล่าว โดยมี นายสมสกุล เกียรติณรงค์ อายุ 47 ปี ทำหน้าที่บริการลูกค้าโดยจำหน่ายสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเรียกเก็บค่าเข้าบริการรายละ 100 บาท

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ยึดสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้เป็นของกลาง และแจ้งข้อกล่าวหาให้ลูกค้าคนไทยและต่างชาติทั้ง 109 คน ทราบว่า “กระทำการชุมนุม หรือทำการทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ซึ่งมีประกาศหรือคำสั่งให้เป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง หรือพื้นที่เฝ้าระวัง ตามประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการมั่นคงเรื่องห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ 2)”

และแจ้งข้อกล่าวหาให้ นายพงศ์ดารัณฯ และนายสมสกุลฯ ทราบว่า “กระทำการชุมนุม หรือทำการทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ซึ่งมีประกาศหรือคำสั่งให้เป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง หรือพื้นที่เฝ้าระวัง ตามประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการมั่นคงเรื่องห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ 2),เปิดร้านอาหารโดยจัดให้มีการบริโภคสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ภายในร้าน ตามคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ 16/2564 เรื่อง มาตรการเร่งด่วนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ 30),ร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ซึ่งการกระทำของผู้ถูกจับทั้งหมดเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 พร้อมทั้งแจ้งสิทธิ์ของผู้ต้องหาและพฤติการณ์การจับกุมให้ผู้ถูกจับทราบดีโดยตลอดแล้ว จึงนำตัวผู้ถูกจับพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวด ขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพ มหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

error: Content is protected !!