ข่าวใหม่อัพเดท » องค์การสืบสวนการทุจริต (FIO) ลงพื้นที่ห้วยแถลงเข้าตรวจสอบที่พักสงฆ์บุกรุกโบราณสถาน

องค์การสืบสวนการทุจริต (FIO) ลงพื้นที่ห้วยแถลงเข้าตรวจสอบที่พักสงฆ์บุกรุกโบราณสถาน

27 สิงหาคม 2022
0

องค์การสืบสวนการทุจริต (FIO) ลงพื้นที่ห้วยแถลงเข้าตรวจสอบที่พักสงฆ์บุกรุกโบราณสถาน

 จากกรณีชาวบ้านหลุ่งตะเคียน อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา ได้ร้องเรียนถึงปัญหาการบุกรุกพื้นที่โดยรอบโบราณสถานปราสาทโคกปราสาท หรือ ปราสาทบ้านหลุ่งตะเคียน ของที่พักสงฆ์วัดโคกปราสาท  โดยมีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างมากมาย ลักษณะคล้ายบ้านพักรับรอง หรือ รีสอร์ต ไม่มีลักษณะคล้ายกับกุฏิสงฆ์ รวมถึงยังได้มีการสร้างอาคารครอบทับตัวปราสาทเก่าแก่และเข้าครอบครองพื้นที่โดยรอบโบราณสถาน ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถเข้าใช้ประโยชน์ ประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อที่สืบทอดกันมาได้ จนกระทั่งอธิบดีกรมศิลปากรได้มีหนังสือคำสั่งให้รื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกพื้นที่โบราณสถาน เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา แต่ทางที่พักสงฆ์ได้ทำหนังสือแจ้งขอประวิงเวลาในการรื้อย้าย โดยอ้างเอกสาร สค.1 เข้าครอบครองพื้นที่ก่อนการประกาศเขตโบราณสถาน ทำให้ชาวบ้านนัดรวมตัวกันยื่นหนังสือให้กับองค์การสืบสวนการทุจริต (FIO) เข้าตรวจสอบหลังมีความพยายามวิ่งเต้นจากบุคคลบางกลุ่มเพื่อให้ที่พักสงฆ์ไม่ต้องรื้อย้ายออกจากพื้นที่โบราณสถานฯ

โดยจากการลงพื้นที่ของ ดร.สุขอนันต์ วังสุนทร ประธานกรรมการบริหารองค์การสืบสวนการทุจริต (FIO) พร้อมทั้งคณะกรรมการ FIO ภาคอีสานตอนล่าง และคณะกรรมการ FIOจังหวัดนครราชสีมา เข้าตรวจสอบที่พักสงฆ์วัดโคกปราสาทตามที่ได้รับการร้องเรียน พบว่ามีการก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรมค่อมทับตัวปราสาท และมีบ้านพักซึ่งอ้างว่าเป็นกุฏิสงฆ์ปลูกสร้างอยู่โดยรอบ โดยมีชาวบ้านที่เข้าร่วมตรวจสอบให้ข้อมูลว่ามีวัตถุโบราณหลายชิ้นสูญหายไป อาทิ รูปเคารพองค์ชัยวรมัน ลักษณะคล้ายกับที่ปราสาทหินพิมายได้หายไปจากแทนประทับ แต่มีหินเกาะสลักรูปฤๅษีมาตั้งแทน และนอกจากนี้ยังได้มีการนำหินเกาะสลักรูปพญาครุฑมาวางประดับไว้บริเวณโคนต้นไม้หลังชั้นวางรองเท้าและพรมเช็ดเท้า เป็นที่น่าสลดใจของชาวบ้านที่เข้ามาพบเห็น เพราะไม่คิดว่าโบราณสถานคู่บ้านคู่เมืองจะถูกนำมากระทำลดทอนคุณค่าความสำคัญเช่นนี้

โดยดร.สุขอนันต์ ได้พบปะพูดคุยกับชาวบ้านเพื่อรับหนังสือร้องเรียนและรายชื่อชาวบ้านกว่า 700 ราย ที่ต้องการให้ย้ายที่พักสงฆ์ออกจากพื้นที่พร้อมดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องที่ให้การช่วยเหลือวิ่งเต้นเพื่อให้การรื้อย้ายที่พักสงฆ์ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

 โดยเบื้องต้นทาง FIO จะได้ทำหนังสือยื่นไปยังกรมศิลปกรเพื่อทวงถามความคืบหน้าคำสั่งที่ส่งมายังที่พักสงฆ์ฯ ให้รื้อย้ายออกไป ภายใน 60 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 22 กันยายน 2565 และนอกจากนี้จากการอ้างเอกสาร สค.1 ในการเข้าครอบครองพื้นที่ จากการตรวจสอบพบว่า ในขณะที่มีการขึ้นทะเบียนโบราณสถานผู้ครอบครองเอกสาร สค.1 ไม่ได้มีการยื่นคัดค้านภายใน 30 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้เอกสาร สค.1 ฉบับนั้นต้องถูกยกเลิกไป และนอกจากนี้ยังมีชาวบ้านได้ให้ข้อมูลว่าผู้ครอบครองเอกสาร สค.1 ซึ่งเกิดในปี พ.ศ.2500 แต่มีชื่อเซนต์เป็นเจ้าของเอกสาร สค.1 ที่ออกในปี พ.ศ.2498 ซึ่งในส่วนนี้ทางองค์การสืบสวนการทุจริตจะได้มีการตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่ชาวบ้านได้รวบรวมนำมามอบให้ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ครรชิต ขวัญวิเชียร /ผู้สื่อข่าว..รายงาน

error: Content is protected !!