ข่าวใหม่อัพเดท » นาย ณพวุฒิ จุลไสย ผู้แทนจากสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ร่วมงาน “วันอาภากร” ครบ 100 ปี น้อมรำลึกสดุดีพระเกียรติคุณกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

นาย ณพวุฒิ จุลไสย ผู้แทนจากสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ร่วมงาน “วันอาภากร” ครบ 100 ปี น้อมรำลึกสดุดีพระเกียรติคุณกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

25 พฤษภาคม 2023
0

นาย ณพวุฒิ จุลไสย ผู้แทนจากสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ร่วมงาน “วันอาภากร”ครบ 100 ปี น้อมรำลึกสดุดีพระเกียรติคุณกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

วันนี้ (19 พ.ค.66) เวลา 09.00 น. นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีถวายพวงมาลา “วันอาภากร” เนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ 19 พฤษภาคม เวียนมาบรรจบครบรอบ 100 ปี เพื่อน้อมรำลึกพระเกียรติคุณและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ทรงวางรากฐานกิจการทหารเรือไทยให้มั่นคง กองทัพเรือจึงถวายนามพระองค์ท่านเป็น “องค์บิดาของทหารเรือไทย” นาย ณพวุฒิ จุลไสย ผู้แทนจากสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ร่วมงาน และได้มอบภาพวาดสีน้ำให้แก่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร โดยมีข้าราชการพลเรือน ศาล ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน มูลนิธิ และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธี

พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากร เกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 นับลำดับราชสกุลวงศ์เป็นองค์ที่ 28 กับเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์ที่ 1 ในเจ้าจอมมารดาโหมด ธิดาเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) ผู้บัญชาการทหารเรือวังหลวง มีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ ประสูติในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ.2423 ตรงกับวันอาทิตย์แรม 3 ค่ำ เดือนอ้ายปีมะโรง จุลศักราช 1246 เมื่อทรงมีพระชนมายุได้ 13 พรรษา ด้วยพระราชประสงค์ของพระบรมราชชนก ได้เสด็จไปทรงศึกษาวิชาการทหารเรือ ณ ประเทศอังกฤษ ตลอดเวลาที่ทรงศึกษาอยู่ ได้ใช้พระวิริยะ อุตสาหะ และทรงดำเนินพระจริยวัตร เช่นประชาชนธรรมดา แม้บางครั้งได้ทรงรับภารกิจที่ยากลำบาก และมีความเสี่ยงอันตราย อย่างใหญ่หลวง เช่น การปราบจลาจลบนเกาะครีต ก็มิได้ทรงย่อท้อหวั่นเกรงแต่ประการใด

เมื่อพระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาเสด็จกลับมาประเทศไทย ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รับราชการในกองทัพเรือ ก็ได้ทรงทุ่มเทแนวพระราชดำริในการปรับปรุงการศึกษาวิชาการทหารเรือให้ทันสมัยเป็นรากฐานของกองทัพเรือไทย มาจนถึงปัจจุบัน อาทิ ได้ทรงก่อกำเนิดโรงเรียนนายเรือขึ้นที่พระราชวังเดิม เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2449 โดยพระองค์ทรงเป็นครูสอนนักเรียนโรงเรียนนายเรือ ทรงให้เพิ่มการศึกษาวิชาดาราศาสตร์ ตรีโกณมิติ อุทกศาสตร์ การเดินเรือ และทรงริเริ่มการใช้ระบบปกครองบังคับบัญชา ตามระเบียบการปกครองนายเรือ คือ การแบ่งให้นักเรียนชั้นสูงบังคับบัญชานักเรียนชั้นรองลงมา

นอกจากนั้น ได้ทรงโปรดเกล้าให้สร้างโรงเรียนช่างกลขึ้นอีกโรงเรียนหนึ่ง ทรงทำให้ นักเรียนนายเรือฝึกหัดภาคปฏิบัติในทะเล นอกเหนือจากการเรียนภาคทฤษฎี ทำให้กิจการทหารเรือมีรากฐานมั่นคงนับตั้งแต่บัดนั้นกองทัพเรือจึงถวายนามพระองค์ท่านเป็น “องค์บิดาของทหารเรือไทย” พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงมีพระเมตตาที่เปี่ยมล้น ในพระราชหฤทัย ได้เป็นมูลเหตุให้พระองค์สนพระทัยในการแพทย์ ทรงมุ่งศึกษาเกี่ยวกับตำราแพทย์แผนไทย จนสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้เจ็บป่วยได้อย่างมากมาย โดยมิทรงรับสิ่งใดตอบแทน พระเกียรติคุณในนามหมอพรได้ขจรขจาย ไปในประชาชนทุกเหล่าชั้น

รวมทั้ง ในด้านการดนตรี พระองค์มีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างยิ่ง ทรงนิพนธ์เพลงที่มีเนื้อหาปลุกใจให้มีความรักชาติ กล้าหาญ ยอมเสียสละชีวิตเพื่อชาติ อาทิ เพลงดอกประดู่ เพลงเดินหน้า เพลงดาบของชาติ เป็นต้น ซึ่งเพลงพระนิพนธ์ของพระองค์ท่านนับว่าเป็นเพลงปลุกใจ ที่มีอายุยืนยาวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติไทย เพราะมีการขับร้องเพลงเหล่านี้สืบต่อกันมาตราบจนปัจจุบัน พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงทุ่มเทพระวรกายและพระสติปัญญา ตรากตรำในการทรงงาน ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ทำให้ทรงพระประชวรโรคภายใน จึงทรงลาออกจากราชการและต่อมาเสด็จไปประทับรักษา ณ ชายทะเลปากน้ำจังหวัดชุมพร ทรงประชวรเป็นไข้หวัดและได้สิ้นพระชนม์ ณ หาดทรายรี เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2466 ในขณะที่มีพระชันษา 44 ปี

ถึงแม้ว่าพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จะสิ้นพระชนม์ไปเป็นเวลา 100 ปี แล้วก็ตาม แต่พระกรณียกิจของพระองค์ท่าน ทรงเป็นแบบอย่างของการปลูกฝังความรัก ความหวงแหนในอธิปไตยของชาติ ความกล้าหาญ และความเสียสละ เฉกเช่นบรรพบุรุษไทย โดยเฉพาะการที่ประเทศไทยต้องเสียดินแดนและเงินค่าทำขวัญให้กับประเทศฝรั่งเศสในปี ร.ศ. 112 พระองค์ท่านทรงเตือนพระทัย ในเหตุการณ์สูญเสียครั้งนั้น จึงทรงให้นักเรียนนายเรือรวมทั้งพระองค์ท่านสักคำว่า “ร.ศ.112 ตราด” ไว้ที่หน้าอกทุกคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในพระจริยวัตร และพระประวัติของพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่สถิตสถาพรในดวงใจของคนไทยทุกคนในชาติ


error: Content is protected !!