ข่าวใหม่อัพเดท » “ชัชวาล” ผวาศาลประทับฟ้องคดีจงใจแจ้งความเท็จ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ กรณีไม่ส่งเอกสารโครงการก่อสร้างสภาฯแห่งใหม่ให้ศาล

“ชัชวาล” ผวาศาลประทับฟ้องคดีจงใจแจ้งความเท็จ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ กรณีไม่ส่งเอกสารโครงการก่อสร้างสภาฯแห่งใหม่ให้ศาล

3 มีนาคม 2022
0

“ชัชวาล” ผวาศาลประทับฟ้องคดีจงใจแจ้งความเท็จ-ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ กรณีไม่ส่งเอกสารโครงการก่อสร้างสภาฯแห่งใหม่ให้ศาล

วันที่ 3 มี.ค.65 : นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี​ 403 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดฟังคำสั่งคดีหมายเลขดำที่อท.23/2563 ระหว่างนายวัชระ เพชร​ทอง โจทก์ นายชัชวาล อภิบาลศรี จำเลย ในข้อหาหรือฐานความผิด “เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต แจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงาน,ขัดขืนหมายศาลให้ส่งเอกสารในการพิจารณา​คดี ตามประมวลกฎหมายอาญาม.137,157 และ170” โดยศาลสั่งมีมูลประทับฟ้อง นัดสอบคำให้การวันที่​ิ 5 เม.ย.65​ และเพื่อพิจารณาคดีมีคำสั่งรวมการพิจารณาคดี อท.22/2563 ที่นายวัชระฯ ฟ้องนายสรศักดิ์ เพียรเวช อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นจำเลยซึ่งศาลสั่งประทับฟ้องแล้วเช่นกัน ซึ่งคดีนี้มี ดร.เกษม ศุภสิทธิ์ เป็นหัวหน้าทีมทนายความต่อสู้คดีกับทีมอัยการกองแก้ต่าง สำนักงานอัยการสูงสุด

สำหรับคดีนี้ นายชัชวาล อภิบาลศรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการติดตามเร่งรัดการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ถูกนายวัชระฯ ตรวจสอบและชี้ข้อพิรุธของโครงการ เป็นเหตุให้นายชัชวาลฯ ไม่พอใจจึงไปฟ้องคดีที่ศาลอาญากับนายวัชระฯ ในข้อหา “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา” และเรียกค่าเสียหายจำนวนเงิน 100 ล้านบาท                               

ต่อมานายวัชระฯ ได้ฟ้องนายชัชวาลฯ ในความผิดจงใจแจ้งความเท็จว่าไม่มีการจดบันทึกการประชุมของคณะกรรมการเร่งรัดและติดตามโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เพื่อจะได้ไม่ต้องส่งแถบเสียง ชวเลข หรือรายงานการประชุมดังกล่าวต่อศาล ตามที่โจทก์ร้องขอเพื่อให้เป็นหลักฐานในการต่อสู้คดีดังกล่าว ซึ่งในการแจ้งข้อความเท็จนี้เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ผู้อื่นหรือประชาชน หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

ซึ่งหากศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ม.137 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วน ม.157 บัญญัติว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่1-10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 2,000 -20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

error: Content is protected !!