สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี จัดโครงการอบรมพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการประชาสัมพันธ์ เพิ่มพูนความรู้และพัฒนาศักยภาพทักษะการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ยุค 4.0

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี จัดโครงการอบรมพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการประชาสัมพันธ์ เพิ่มพูนความรู้และพัฒนาศักยภาพทักษะการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ยุค 4.0

         วันนี้ ( 20 ก.ย.62 ) ที่ห้องมณีทิพย์ โรงแรมนิวแทรเวิลลอด์จ จังหวัดจันทบุรี สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี ได้จัดโครงการอบรมพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการประชา สัมพันธ์ โดยมีนายวิวัฒน์ มหาผลศิริกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานเปิดโครงการเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาศักยภาพทักษะด้านการผลิตสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์ให้กับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ อาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้าน ที่รับผิดชอบงานด้านการประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน ด้วยการสร้างสัมพันธภาพอันดี และการพัฒนาส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกัน เพื่อให้เกิดทัศนคติที่ดี

          ซึ่งการประชาสัมพันธ์เป็นกระบวนการสื่อสารสองทางที่ทำให้ประชาชนเข้าใจ ยอมรับ และสนับสนุน ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของหน่วยงาน ขจัดปัญหาข่าวลือ และความเข้าใจผิดโดยการเผยแพร่ข่าวสารข้อมูลที่เป็นจริง เชื่อถือได้ และมีแหล่งอ้างอิงรับรองโดยสามารถนำข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานภาครัฐเผยแพร่สู่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งช่องทางสื่อมวลชนท้องถิ่น รวมทั้งการใช้สื่อโซเชียล การพัฒนาสื่อดิจิตัล อินโฟกราฟฟิก ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงก้าวสู่การประชาสัมพันธ์เชิงรุก ยุค 4.0


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา  ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี
นาย  พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออ

จันทบุรี – ชาวบ้าน คิดวิธีการเลี้ยงปูทะเลแบบคอนโดระบบปิด เลี้ยงในบ้าน ไม่ง้อบ่อดิน และ ไม่กลัวหาย สร้างรายได้ดี

ชาวบ้านอำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี คิดวิธีการเลี้ยงปูทะเลแบบคอนโดระบบปิด เลี้ยงในบ้าน ไม่ง้อบ่อดิน และ ไม่กลัวหาย สร้างรายได้ดี

         ที่บ้านของนายเดชา สุขาล บริเวณชุมชนบ้านญวน ถ.เทศบาลสาย 2 ต.ขลุง อ.ขลุง จ.จันทบุรี ได้เปิดเป็นแหล่งเลี้ยงปูทะเล ที่ไม่ใช้บ่อดิน แต่นำกล่องพลาสติกมาเป็นสถานที่เพาะเลี้ยงปูทะเล ทำแบบซ้อนชั้นเป็นคอนโด ระบบปิด ที่สามารถควบคุมปัจจัยต่างๆได้ โดยนายเดชา สุขาล เกษตรกรผู้เลี้ยงปูทะเลแบบคอนโดระบบปิด ผู้สร้างสรรค์แนวคิด สร้างรายได้กล่าวว่า “ตนเองเริ่มการเรียนรู้ วิธีเลี้ยงปูแบบคอนโดระบบปิดมาจากอินเตอร์เน็ต ในกลุ่มผู้เลี้ยงปูดำ เริ่มต้นเลี้ยงในครั้งแรก 50 กว่าตัว ทดลองผิดถูกมาหลายแบบ ครั้งแรกใช้น้ำประ ปาผสมเกลือ แต่ไม่ประสบความสำเร็จปูตายไปหมด จากนั้นได้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เปลี่ยนมาใช้น้ำเค็มธรรมชาติ จากในคลองใกล้บ้าน จนกระทั่งเริ่มประสบความสำเร็จ

          โดยซื้อปูธรรมชาติมาจากชาวบ้าน อายุการเลี้ยง ปูโพรก แล้วเลี้ยงให้แน่น ตัวโต อยู่ที่ประมาณ 20 ถึง 30 วัน แต่ถ้าเป็นปูไข่ ก็จะใช้เวลากว่า 30 วัน โดยตอนนี้เลี้ยงอยู่ประมาณ 50 ตัว ตอนซื้อมาเลี้ยงปูโพรก กิโลกรัมละ 200 บาท ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 20 วัน ก็จะจับขายกิโลกรัมละ 380 ถึง 400 บาท กำไรเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว อาหารก็จะให้เป็นเศษปลา หอยนางรม และกุ้ง ส่วนน้ำที่ใช้เลี้ยงไม่ต้องเปลี่ยนเพราะมีระบบการกรองน้ำ หมุนเวียนมาใช้และเติมน้ำ เช็คค่าน้ำต่างๆ ตามหลักวิชาการที่แลกเปลี่ยนกันและประสบความสำเร็จจากการลองถูก ลองผิด ของกลุ่มผู้เลี่ยงด้วยกันเอง

         ซึ่งปัจจุบันมีการตั้งกลุ่มผู้เลี้ยงปูคอนโด ระบบปิดเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันแบบปราชญ์ชาวบ้าน ความแตกต่างระหว่างการเลี้ยงในระบบคอนโดแบบปิดกับการเลี้ยงแบบบ่อดินทั่วไป การเลี้ยงในบ่อดินแบบธรรมชาติมีความเสี่ยงและโอกาสสูญเสียมากกว่า คือปล่อยปูไป 100% จะจับได้เพียง 40 ถึง 50% เท่านั้น สาเหตุที่สูญเสียส่วนใหญ่เกิดจาก ปูกินกันเอง ปูขุดรูบ่อดินแล้วไม่สามารถจับขึ้นมาได้ รวมทั้งถูกขโมยจากมิจฉาชีพ แต่ถ้าเลี้ยงแบบคอนโดระบบปิดสามารถมองเห็นปูและเลี้ยงได้ 100% ไม่มีสูญหายยากต่อการขโมย แต่ต้องให้เวลาและเอาใจใส่มากขึ้น

          ถ้าประชาชนหรือท่านใดสนใจอยากได้ความรู้ ก็ไม่หวง สามารถปรึกษา คุณคุณเดชา สุขาล บริเวณชุมชนชาวคริสต์ ถนนสายล่าง บ้านญวน หรือถนนเทศบาลสาย 2 อ.ขลุง จ.จันทบุรี เบอร์โทรศัพท์ 080-6466130 หรือเฟสบุ๊คชื่อ ต้มยำกาแฟสด


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา  ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี
นาย  พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

สายตรวจ 3 ประสาน “เขตพระนคร” ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยและปรับปรุง​ภูมิ​ทัศน์ บริเวณ สวนสาธารณะสวนสันติชัยปราการ เขตพระนคร

          วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2562 เวลา 10:00 น. นายสุริยชัย รวิวรรณ “ผู้อำนวยการเขตพระนคร” และ ว่าที่ร้อยตรี ฤทธิพันธ์ นันทศุภกร “ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตพระนคร” มอบหมายให้ นายเจษฎา ประภาสะวัต “หัวหน้าฝ่ายเทศกิจ” สั่งการให้ นายคณิต ชุมช่วย “หัวหน้างานตรวจและบังคับการฝ่ายเทศกิจ” นำกำลัง จนท.ฝ่ายเทศกิจฯ จนท.ฝ่ายรักษาฯ เขตพระนคร ร่วมกับ ประชาชนจิตอาสา จนท.ตำรวจ สน.ชนะสงคราม จนท.ทหาร ลงพื้นที่ตรวจสอบ​ความเป็นระเบียบ​และปรับปรุงภูมิ​ทัศน์​ บริเวณสวนสาธารณะสวนสันติชัยปราการ ถนนพระอาทิตย์ เขตพระนคร กทม.

          ทั้งนี้ประวัติความเป็นมาของสวนสาธารณะ “สวนสันติชัยปราการ” นั้นซึ่งปัจจุบันเป็นสวนสาธารณะเเห่งนี้ได้สร้างอยู่บนพื้นที่ประมาณ 8 ไร่เศษ บริเวณโดยรอบป้อมพระสุเมรุ ซึ่งตั้งอยู่ที่ช่วงปลายถนนพระอาทิตย์ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาตรงปากคลองบางลำพู สวนแห่งนี้จัดสร้างขึ้นเนื่องในมหามงคลสมัย เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 โดยภายในบริเวณสวนมี พระที่นั่งสันติชัยปราการ ที่มีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติมาประดับไว้ พร้อมกับท่ารับเสด็จขึ้นลงเรือพระที่นั่ง เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นที่จัดพระราชประเพณีต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับแม่น้ำเจ้าพระยา

         สวนแห่งนี้มีทัศนียภาพของคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยงามมาก นับเป็นสวนสาธารณะเพียงไม่กี่แห่งของกรุงเทพมหานคร ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ชื่นชมบรรยากาศริมแม่น้ำ และสามารถชมกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคในพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐินได้อย่างชัดเจน สวนสาธารณะสันติชัยปราการ นับเป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาเมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์และโบราณสถาน นับเป็นนันทนสถานเอนกประสงค์ที่ได้ประโยชน์ใช้สอยทั้งด้านการพักผ่อนหย่อนใจ การศึกษา และการอนุรักษ์ (ป้อมพระสุเมรุ)

          พื้นที่โดยรอบได้รับการออกแบบให้สามารถใช้เป็นที่ออกกำลังกายได้หลายประเภท เช่น การเต้นแอโรบิค รำมวยจีน สามารถเป็นสถานที่จัดงานของท้องถิ่นและรัฐบาล เช่น พิธีต้อนรับแขกจากต่างประเทศ รวมทั้งด้านวัฒนธรรม เช่น พิธีลอยกระทง สงกรานต์ เป็นต้น นอกจากตัวป้อมแล้ว ในบริเวณสวนแห่งนี้ยังมี “ต้นลำพู” ดั้งเดิมอันเป็นที่มาของชื่อ “บางลำพู” ต้นสุดท้ายที่ยังหลงเหลือไว้ให้ศึกษาอีกด้วย ที่อยู่มานานตั้งแต่ก่อนมีสร้างสวนและพระที่นั่งฯ แต่ทว่าในเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปี พ.ศ. 2554 ต้นลำพูต้นนี้ได้ตายลง ทางกรุงเทพมหานคร (ก.ท.ม.) ได้มาตัดทิ้งจนเหลือแต่ตอ

          เบื้องต้นกิจกรรมในวันนี้ สายตรวจ 3 ประสาน ทหาร ตำรวจ เทศกิจ “เขตพระนคร” และ ประชาชนจิตอาสา ได้ร่วมกันตรวจสอบความเป็นระเบียบเรียบร้อย พร้อมกับ ปรับปรุงภูมิทัศน์ พื้นที่โดยรอบซึ่งกิจกรรมในวันนี้ประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่ติดสวนสาธารณะสวนสันติชัยปราการในพื้นที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี…

สำนักงานเขตพระนคร #สายตรวจ3ประสาน ทหาร #ตำรวจ #เทศกิจ #ประชาชนจิตอาสาปรับปรุงภูมิทัศน์ #สวนสาธารณะสวนสันติชัยปราการ# ถนนพระอาทิตย์ #เขตพระนคร #ตามนโยบาย พลตำรวจเอกอัศวินขวัญเมืองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร #NOW_ทำจริงเห็นผลจริง #กทม_NOWแก้ไขทันที #เพจข่าวสารบ้านเรา_HomeNews3


ภาพ/ข่าว
ธีรพล ปลื้มถนอม รายงาน

50 ปี กฟผ.ฮาล์ฟมาราธอนช่วย รพ.5 จังหวัด

กฟผ. ชวนคนไทยวิ่ง “50 ปี กฟผ. ฮาล์ฟมาราธอน” กับ​ “ตูน บอดี้สแลม-รัชวิน BNK48″และเพื่อนศิลปิน ร่วมทำบุญซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลขนาดเล็กที่ขาดแคลนใน 5 จังหวัด

          วันนี้ วันศุก​ร์ที่​ 20 กันยายน 2562​ ณ ห้องแถลงข่าวสื่อมวลชน ชั้น 3 อาคาร ท.103 สำนักงานใหญ่ กฟผ. อ.บางกรวย จ.นนทบุรี​ : นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับนายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน ในฐานะประธานชมรมวิ่ง กฟผ. ทันตแพทย์หญิงนริศรา จิตประสพ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลบันนังสตา จ.ยะลา และก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ ร่วมแถลงข่าวการจัดงานวิ่ง “50 ปี กฟผ. ฮาล์ฟมาราธอน” เพื่อเชิญชวนประชาชนที่สนใจมาร่วมวิ่งการกุศลไปพร้อมกับ ตูน บอดี้สแลม และศิลปินต่างๆ พร้อมชมมินิคอนเสิร์ต BNK48 ที่จะมาร่วมสร้างสีสันในงานดังกล่าว

          นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ. เปิดเผยว่า กฟผ. ขอขอบคุณคนไทยที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอด 50 ปี กว่าครึ่งศตวรรษที่ กฟผ. ทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าเพื่อความสุขของคนไทย ตลอดจนการดูแลสังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งกิจกรรมด้านกีฬาเป็นกิจกรรมที่ กฟผ. ให้การส่งเสริมและจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในโรงไฟฟ้าและเขื่อนของ กฟผ.โดยในปีนี้เป็นปีที่ กฟผ. ครบรอบ 50 ปีของการก่อตั้ง ประกอบกับวันที่ 20 กันยายน เมื่อ 135 ปีที่แล้ว เป็นวันแรกที่มีไฟฟ้าใช้ในประเทศไทย จึงขอเชิญชวนประชาชนคนไทยร่วมงานวิ่ง “50 ปี กฟผ. ฮาล์ฟมาราธอน” รายได้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายจะนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์มอบให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ในพื้นที่ 5 จังหวัด ที่เป็นพื้นที่เขื่อนและโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ตั้งอยู่ ได้แก่ โรงพยาบาลท่ากระดาน จ.กาญจนบุรี,โรงพยาบาลบ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี,โรงพยาบาลสามเงา จ.ตาก,โรงพยาบาลบันนังสตา จ.ยะลา,โรงพยาบาลท่าปลา และโรงพยาบาลน้ำปาด จ.อุตรดิตถ์

          ด้านนายเทพรัตน์ ประธานชมรมวิ่ง กฟผ. กล่าวเพิ่มเติมถึงความพิเศษสำหรับงานวิ่งครั้งนี้ว่า เป็นปีแรกที่เพิ่มเส้นทางและระยะการวิ่งในประเภทฮาล์ฟมาราธอน ซึ่งยกระดับจากงานเดิน-วิ่งการกุศลที่จัดมาอย่างต่อเนื่องมากว่า 20 ปี โดยตลอดเส้นทางวิ่งจะมีการเตรียมการด้านความปลอดภัย ที่ได้รับการรับรองโดยสมาคมกรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสหพันธ์กรีฑาแห่งเอเชีย อีกจุดเด่นคือ นักวิ่งจะได้เห็นทิวทิศน์อันสวยงามของสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบนสะพานพระราม 7 และมีความท้าทายของนักวิ่งในการวิ่งขึ้นอาคารก่อนจะเข้าเส้นชัยอีกด้วย

          โดยประเภทการวิ่งแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ฮาล์ฟมาราธอน 21 กิโลเมตร มินิมาราธอน ระยะทาง 10 กิโลเมตร และ Fun Run ระยะทาง 5 กิโลเมตร ทั้งนี้ ยังได้รับเกียรติจาก คุณตูน อาทิวราห์ คงมาลัย ก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ และศิลปินต่างๆ ที่มีเป้าหมายเดียวกันในการร่วมสร้างพลังการมีส่วนร่วมในการทำความดีต่อสังคม ร่วมวิ่งไปด้วยกันกับคุณ และหลังจากการวิ่งแล้วเสร็จจะมีมินิคอนเสิร์ต BNK48 ที่จะมาสร้างความสดชื่นให้กับนักวิ่งทุกคนอีกด้วย
กฟผ.

         ขอเชิญชวนประชาชนร่วมงานวิ่ง “50 ปี กฟผ. ฮาล์ฟมาราธอน” ในวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2562 เวลา 03.00 – 09.00 น. ณ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ผู้สนใจสามารถสมัคร ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2562 ทางเว็บไซต์ https://www.egat50thhalfmarathon.com โดยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: EGAT Charity Green Run กฟผ. มินิมาราธอน หรือทางไลน์ @egat50run


สุรเชษฐ​ ​ศิลา​นนท์​ รายงาน​

ลพบุรี – กลุ่มก้าวเพื่อแบ่งปันลพบุรี ส่งของบรรเทาทุกข์ให้ชาวอุบล

ศูนย์ข่าวภาคกลาง – จังหวัดลพบุรี วันที่ 20 09 62 กลุ่มก้าวเพื่อแบ่งปันลพบุรีส่งของบรรเทาทุกข์ให้ชาวอุบล

          หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคอีสานยังคงวิกฤต หลังฝนตกอย่างต่อเนื่อง ได้รับอิทธิพลจากพายุ “โพดุล” และ “คาจิกิ” ส่งผลให้ประชาชนหลายพื้นที่ของ จ.อุบลราชธานี และจังหวัดใกล้เคียงได้รับผลกระทบจากภาวะอุทกภัย พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักหนาสาหัสหลายร้อยหลายพันครัวเรือน รู้สึกเห็นใจชาวอุบลราชธานีเป็นอย่างยิ่ง

         ชาวไทยทุกคนต่างเป็นห่วงความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวอุบลฯ ซึ่งต่างก็ช่วยกันส่งเงิน และสิ่งของช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความทุกข์ร้อนในครั้งนี้อย่างมากมาย เช่นเดียวกันกับ พล.ต.หญิงวิราพรรณ เนินลพ อดีตผู้ทรงคุณวุติกองทัพบก ได้ร่วมกับ”กลุ่มก้าวเพื่อแบ่งปัน ลพบุรี 2019 ” ได้รวบรวมสิ่งของไม่ว่าจะเป็นข้าวสารอาหารแห้ง และน้ำดื่ม กว่า 3,000 ขวด ส่งผ่านเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูจุดพัฒนานิคม โดยมีเทศบาล ต.ดีลัง ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน ต.ดีลัง และชาว อ.พัฒนานิคม และใกล้เคียงได้ร่วมบริจาคสิ่งของต่างๆ บรรทุกไปส่งให้กับผู้ประสบอุทกภัย จ.อุบลราชธานี และจังหวัดใกล้เคียงจำนวน 7 คันรถ ซึ่งจะออกเดินทางจากจังหวัดลพบุรีในวันที่ 21 ก.ย. 62

          พล.ต.หญิงวิราพรรณ เนินลพ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า ถือเป็นวิกฤตของประเทศไทย เมื่อจังหวัดอุบลราชธานี เกิดเหตุอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี ซึ่งเป็นเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ ส่งผลให้ชาวบ้านเดือดร้อน และบ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมาก แต่น้ำใจของคนไทยทุกคนก็ยิ่งใหญ่มากค่ะ เพราะชาวไทยไม่ทิ้งกัน ได้ช่วยกันบริจาคคนละเล็กคนละน้อย ในเมื่อชาวไทยลำบากก็ต้องช่วยเหลือกันค่ะ ซึ่งตนเองและ”กลุ่มก้าวเพื่อแบ่งปันลพบุรี 2019” ขอให้ชาวอุบลผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปให้ได้ และขอส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ และกำลังมาให้กับชาวอุบล ขอให้สู้ๆ


กฤษณ์ ลพบุรี 0890899090

ปราจีนบุรี-เจ้าหน้าที่ EOD เก็บกู้ระเบิดขนาดใหญ่ 3 ลูกหลังเจ้าของบ้านพบเจอ

https://youtu.be/sbtIhZDGTbM

          วันที่ 19 กันยายน 2562 ร.ต.อ.ประเสริฐ นามชาลี ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี ได้รับแจ้งจาก นายสำเร็จ เวชกัมมา สมาชิกอบต.บ้านพระ ว่าพบวัตถุระเบิดที่บ้านเลขที่ 47/2 หมู่14 ซอยท่อน้ำ ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี หลังจากรับแจ้งแล้วจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิด กก.สส.ภ.จว.ปราจีนบุรี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองปราจีนบุรี สายตรวจตำบลบ้านพระ

          โดยบ้านหลังดังกล่าวพบว่าเป็นบ้านของ นาง ปูชิตา จีนวงษ์ 56 ปี ซึ่งมีสามีเป็นอดีตทหาร แต่ได้เสียชีวิตไปนานแล้ว เป็นคนเก็บวัตถุระเบิดดังกล่าวไว้บริเวณใต้ถุนบ้าน ซึ่งตนก็ไม่เคยรู้มาก่อน จนกระทั่งในวันนี้ นางปูชิตา ได้เก็บกวาดทำความสะอาดบ้านจึงพบวัตถุดังกล่าวมีลักษณะเป็นลูกระเบิด จึงได้รีบโทรศัพท์แจ้งสมาชิกอบต.ทันที ก่อนที่จะแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาเก็บกู้

          จากการตรวจสอบของชุดเก็บกู้ฯ พบว่าเป็นเครื่องกระสุน-วัตถุระเบิด จำนวน 3 รายการ ดังนี้

  1. ลูกยิงจากเครื่องยิงระเบิด(ลย/ค.ขนาด 60 มม.)
  2. ลูกยิงจากเครื่องยิงระเบิด(ลย/ค.ขนาด 81 มม.ชนิดส่องแสง)
  3. กระสุนปืนใหญ่ ขนาด 155 มม.

          ซึ่งอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถใช้งานได้แล้ว หลังจากนั้น ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจึงได้นำกลับมาเก็บรักษาไว้ในคลังสรรพาวุธต่อไป


ภาพ/ข่าว ณัฐวัฒน์ กุลเศรษฐ์สุวภา ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี
นาย  พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

ผบ.กร เปิดอาคารเครื่องฝึกจำลองยุทธ์เสมือนจริงเพิ่มทักษะการปฏิบัติการทางเรือ

          พลเรือเอก นพดล สุภากร ผู้บัญชากองเรือยุทธการ มาเป็นประธานในพิธีเปิดอาคาร เครื่องฝึกจำลองยุทธ์ หลังใหม่ Naval Warfare Training Simulator (NWTS) ณ กองฝึกศูนย์ยุทธ์การและสื่อสาร กองการฝึกกองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมี พลเรือตรี สุพพัต ยุทธวงศ์ ผู้บัญชาการกองการฝึก กองเรือยุทธการ คณะผู้บังคับบัญชา ผู้แทน บริษัท Rheinmetall Electtronice ข้าราชการ ทหาร เข้าร่วมในพิธี

          ซึ่งจัดให้มีพิธีสงฆ์ โดยนิมนต์พระสงฆ์มาสวดเจริญพระพุทธมนต์ หลังจากนั้นพระครูทัศนีย์คุณากร เจ้าคณะอำเภอสัตหีบ และเจ้าอาวาสวัดสัตหีบ ทำพิธีเจิมแผ่นป้ายชื่อและเจิมหน้าประตูทางเข้าอาคาร เพื่อความเป็นสิริมงคล แก่หน่วยงานและข้าราชการในการปฎิบัติงาน ณที่แห่งนี้

         พลเรือตรี สุพพัต ยุทธวงศ์ กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2559 กองทัพเรืออนุมัติให้จัดหาเครื่องฝึกจำลองยุทธ์เพื่อทดแทนเครื่องฝึก ASTT โดยกองทัพเรือได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขาย1เครื่องฝึกจำลองยุทธ์กับบริษัท RheinmetallElectronics มูลค่า 304,953,438 บาท มีกำหนดส่งมอบภายใน 900 วันโดยมี รองเสนาธิการทหารเรือ(ฝ่ายกิจการพลเรือนเป็นประธานฯคณะกรรมการบริหารโครงการฯ การดำเนินโครงการฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งการก่อสร้างอาคารและการติดตั้งเครื่องฝึกฯ/!โดยกรรมการตรวจรับ ได้ทำการรับมอบเครื่องฝึก จำลองยุทธ์พร้อมอาคารเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้กองทัพเรือมีขีดความสามารถในการฝึกกำลังพลของกองทัพเรือ ให้มีทักษะในการปฏิบัติงานมีความรู้ในสาขาศูนย์ยุทธการ และการปฏิบัติการทางเรือสาขาต่างๆของกองทัพเรือด้วยเครื่องฝึกจำลองยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสนับสนุนการทดสอบแผนการปฏิบัติการทางทหารของกองทัพเรือ ซึ่งทำให้สามารถประหยัดงบประมาณการฝึกกำลังพลในภาพรวม อีกทั้งทดแทนเครื่องฝึกจำลองยุทธ์เดิม ที่กำลังจะหมดอายุ การใช้งาน

         ซึ่งมีห้องฝึกดังนี้ ห้องฝึกมาตรฐาน จำนวน 10 ห้อง, ห้องฝึกบัญชาการกองเรือ จำนวน 2 ห้อง, ห้องประชุมแบ่งฝ่าย จำนวน 2 ห้อง, ห้องควบคุมการฝึก, ห้องบรรยายสรุป 122 ที่นั่ง ห้อง Computer หรือ Servre มี 6 Game Servre ใช้สำหรับการเดินเครื่องฝึกรวมทั้งการแก้ไขเพิ่มเติมฐานข้อมูลเครื่องฝึกฯ


ภาพ/ข่าว นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล ทิพย์ศรี ผู้สื่อข่าว จ.ชลบุรี
นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

สิ้นบุญแล้ว หลวงปู่หลาย เกจิดังวัดนาจอมเทียน

          เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ 19 ก.ย.62 ที่วัดนาจอมเทียน ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังกุฏิเจ้าอาวาสวัดนาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังได้รับแจ้งว่า พระครูพิพิธชลธรรม (หลวงพ่อหลาย อาภรโณ) เจ้าอาวาสวัดนาจอมเทียน และเจ้าคณะตำบลนาจอมเทียน เกจิดังของตำบลนาจอมเทียน อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ได้มรณ ภาพ ลงอย่างสงบด้วยโรคชรา ด้วยอายุ 91 ปี พรรษาที่ 63 เมื่อเวลา 13.50 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 19 ก.ย.62

          โดยมีพระลูกวัดและศิษยานุศิษย์รวมทั้งผู้ที่เคารพและศรัทธาต่าง เดินทางมากราบไหว้ และเสียใจกับการจากไปของหลวงพ่อหลาย โดยมีพระครูปิยะกิจวิบูล เจ้าคณะตำบลนาจอมเทียน และเจ้าอาวาสวัดอัมพาราม ได้เดินทางมายังวัดนาจอมเทียนหลังจากทราบข่าว

         ประวัติ หลวงพ่อหลาย อาภรโณ (อาจารย์หลาย) วัดนาจอมเทียน จังหวัดชลบุรี หรือพระครูพิพิธชลธรรม (หลวงพ่อหลาย อาภรโณ) เจ้าอาวาสวัดนาจอมเทียน และเจ้าคณะตำบลนาจอมเทียน เกจิดังของตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พระครูพิพิธชลธรรม (หลวงพ่อหลาย อาภโณ) ท่านมีนามว่า ” หลาย นามสกุล ห้วยใหญ่ ” เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2471 ตรงกับวันเสาร์ แรม 12 ค่ำ เดือน 12 ปีมะโรง ณ บ้านทุ่งคา ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี อุปสมบท เมื่อพ.ศ. 2491 เมื่ออายุได้ 20 ปี

          ท่านอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดนาจอมเทียน โดยมีพระอุปัขฌาย์ พระครูสุนทรธรรมรส (หลวงพ่อศรี) วัดอ่างศิลา ปัจจุบันคือ พระวิสุทธิสมาจาร (เจ้าคุณศรี พฺรหฺมโชติ)พระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการลั้ง วัดอัมพาราม ปัจจุบันคือ พระครูสาธกธรรมคุณ (หลวงพ่อลั้ง สุทสสฺโน) พระอนุสาวนาจารย์ พระอธิการไฮ้ วัดนาจอมเทียน ท่านได้รับฉายาทางธรรมว่า ” อาภรโณ “

         เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้มาจำพรรษาอยู่ ณ วัดนาจอมเทียน กับพระอาจารย์รูปแรกคือ พระอธิการไฮ้ วัดนาจอมเทียน พระผู้มากด้วยพุทธาคม พร้อมทั้งร่ำเรียนพระธรรมวินัย และพุทธาคมกับท่าน ต่อมาจึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของ พระอธิการลั้ง วัดอัมพาราม ศิษย์เอกผู้เป็นมือจารปลัดขิกให้กับหลวงพ่ออี๋ แห่งวัดสัตหีบ พระอาจารย์รูปที่ 3 ของหลวงพ่อหลาย คือ หลวงพ่อทองอยู่ จนฺทสาโร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ผู้เป็นศิษย์ของบูรพาจารย์ตำนานเขี้ยวเสือแกะ ” หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย ” อาจกล่าวได้ว่า หลวงพ่อหลาย อาภรโณ ท่านมีครูที่เป็นอมตะเถราจารย์ผู้เข้มขลังแห่งภาคตะวันออกถึง 3 รูปเลยทีเดียว พระครูพิพิธชลธรรม (หลวงพ่อหลาย อาภรโณ) เป็นทั้งพระนักปฏิบัติ และพระนักพัฒนาทั้งยังดำรงความเป็นสมณะอยู่ในศีลธรรมอย่างดี และเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปมาช้านาน

          และในวันเสาร์ที่ 21 ก.ย.62 ตั้งแต่เวลา 16.00 จะมีพิธีสรงน้ำศพ ณ ศาลาการเปรียญวัดนาจอมเทียน ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี


ภาพ/ข่าว นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล ทิพย์ศรี ผู้สื่อข่าว จ.ชลบุรี
นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

นายกรัฐมนตรีลงเรือตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย ณ หมู่บ้านกุดชุม อุบลราชธานี

          (19 กันยายน 2562) เวลา 16.00 น. ณ หมู่บ้านกุดชุม อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงเรือตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย โดยนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยทักทายให้กำลังใจพี่น้องประชาชน พร้อมสอบถามความเป็นอยู่ด้วยความห่วงใย และบอกกับประชาชนว่า หากมีอะไรต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือขอให้บอกผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

         จากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังการลงเรือว่า “จากการลงพื้นที่ได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ และระดับน้ำท่วมซึ่งส่วนมากมิดหลังคาบ้าน จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแล นำสิ่งของยังชีพมาแจกประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว”

         นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ยังรู้สึกดีที่ได้เห็นรอยยิ้มของชาวบ้าน โดยชาวบ้านดีใจที่ตนมาเยี่ยมให้กำลังใจถึงบ้าน พร้อมบอกกับตนว่าจะสู้ต่อไป ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันจะไม่ทอดทิ้ง เพราะเป็นบ้าน และแผ่นดินของคนไทย อย่างไรก็ตามเห็นน้ำแล้วก็รู้สึกเสียดายว่า หากมีน้ำแล้วไม่กระทบที่ทำกินก็คงจะดี เพราะจะได้นำน้ำไปใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะนำไปทำนาปี ส่วนใหญ่ในพื้นที่ทำแต่นาปรัง

          ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ทุ่มเทกำลังใจ กำลังกายช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเต็มที่ รวมถึงขอบคุณรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลที่ลงพื้นที่ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และขอขอบคุณชาวบ้านที่เข้าใจการทำงานของรัฐบาล


ขอบคุณเรื่องแนะนำจากสำนักโฆษก

รองผู้ว่าฯ สงขลา ร่วมกับภาครัฐ และเอกชน ผนึกกำลังแถลงข่าว “เทศกาลกินเจหาดใหญ่ ประจำปี 2562”

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ร่วมกับภาครัฐ และเอกชน ผนึกกำลังแถลงข่าว “เทศกาลกินเจหาดใหญ่ ประจำปี 2562” มุ่งสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของชาวไทยเชื้อสายจีน พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

         ช่วงเย็นวันนี้ (19 ก.ย. 62) ที่ห้องตะวัน-จันทรา (ชั้น 2) โรงแรมเอส หาดใหญ่ ถนนประชาธิปัตย์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายราชิต สุดพุ่ม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ จันทร์ชู นายอำเภอหาดใหญ่, พลตำรวจตรี อังกูร คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3, พันเอกอภิศักดิ์ พันธุวงศ์ รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 42, นายอัฐชัย พรหมมณี รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา, นางปฏิมา ตันติเมตตา หัวหน้าสานักงานปลัดเทศบาลนครหาดใหญ่, นางสาววิลาวรรณ โป้บุญส่ง ผู้ช่วยท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสงขลา, นางสาวญาติกา แก้วบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานหาดใหญ่, นางสาวณัจยา แก้วนุ้ย ผู้จัดการโครง การส่งเสริมอาหารปลอดภัยเพื่อสุขภาพอร่อยได้ไร้แอลกอฮอล์ (สสส.), นายพิชัย วัฒนะพยุงกุล นายกสมาคมไทย-จีน จังหวัดสงขลา และนายสุรพล กำพลานนท์วัฒน์ นายกสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา ต่างพร้อมใจสวมใส่ชุดขาวร่วมกันแถลงข่าว “เทศกาลกินเจหาดใหญ่ ประจำปี 2562” โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องจากภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนสื่อมวลชนทุกแขนง เข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

           นายราชิต สุดพุ่ม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า การจัดงานเทศกาลกินเจหาดใหญ่ในปีนี้ นับเป็นปีที่ 20 กำหนดจัดระหว่างวันที่ 28 กันยายน ถึง 7 ตุลาคมนี้ ณ บริเวณสวนหย่อมศุภสารรังสรรค์ (ตรงข้ามมูลนิธิท่งเซียเซี่ยงตึ้ง) อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ เพื่ออนุรักษ์ สืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลา ซึ่งการจัดงานที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยว และเข้าร่วมกิจกรรมนี้เพิ่มมากขึ้นทุกปี เนื่องจากคณะกรรมการจัดงานได้จัดกิจกรรมที่หลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น และนับว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลาและอำเภอหาดใหญ่อีกทางหนึ่งด้วย

          สำหรับการจัดงานเทศกาลกินเจ เป็นกิจกรรมหนึ่งในโครงการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา (กิจกรรมด้านการท่องเที่ยว) จังหวัดสงขลาได้สนับสนุนงบประมาณจำนวนหนึ่ง ภายใต้แผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 ในการจัดงาน พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันจัดกิจกรรมในครั้งนี้

          ด้านนายสุรพล กำพลานนท์วัฒน์ นายกสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา กล่าวว่า การจัดงานเทศกาลกินเจหาดใหญ่ กำหนดจัดระหว่างวันที่ 28 กันยายน ถึง 7 ตุลาคมนี้ ณ สวนหย่อมศุภสารรังสรรค์ มีกิจกรรมที่ต่าง ๆ ดังนี้ การจำหน่ายอาหารเจ กว่า 108 ร้าน ควบคุมคุณภาพและราคาโดยกองการสาธารณสุข เทศบาลนครหาดใหญ่ , พิธีเปิดงานฯ วันอาทิตย์ ที่ 29 กันยายน 2562 เวลา 16.00 น. บริเวณถนนศุภสารรังสรรค์ (หน้าสวนหย่อมฯ)

         โดยมีกิจกรรม ดังนี้ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และรับพรจากคณะสงฆ์ , กิจกรรมอาหารทานบุญ กินอย่างพอเพียง เลี้ยงคนทั้งเมือง และขบวนรถแห่ประชาสัมพันธ์งาน (ขบวนรถ), การจัดขบวนแห่พระประจำปีรอบเมืองหาดใหญ่ วันศุกร์ ที่ 4 ตุลาคม 2562 เวลา 16.00 น. ประกอบด้วย ขบวนมังกรทอง-สิงโต, เทพเจ้า, คนเดิ , ม้าทรงจากศาลเจ้าต่าง ๆ และตลอดเส้นทางที่ขบวนแห่ผ่าน ขอเชิญชวนโรงแรม ร้านค้า บ้านเรือนต่าง ๆ ตั้งโต๊ะบูชาเจ้าเพื่อความเป็นมงคล

         นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม “อาหารทานบุญ” กินอย่างพอเพียงเลี้ยงคนทั้งเมือง บริการแจกจ่ายอาหารเจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาร่วมพิธีเปิดในวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562 และวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2562 เวลา 16.30 น. บริเวณถนนศุภสารรังสรรค์ (หน้าสวนหย่อมฯ), การอัญเชิญเทพเจ้าจากศาลเจ้าต่าง ๆ ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มาประดิษฐานภายในบริเวณงาน เพื่อให้ได้สักการะบูชา, การโชว์มังกรทองพ่นน้ำ-สิงโตเล่นจานดอกเหมย จากจังหวัดนครสวรรค์ เวลา 19.00 น. ระหว่างวันที่ 29 กันยายน ถึง 4 ตุลาคม 2562 ส่วนกิจ กรรมเวที และกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การสาธิตการปรุงอาหารเจ 9 เมนู 9 คนดัง, การเสวนา ชวนคิด-ชวนคุย, การแข่งกันเชฟน้อยคู่หูเมนูเจ, การประกวดหนูน้อยเจียะฉ่าย, การแข่งกินอาหารเจ, การแสดงต่าง และอื่น ๆ อีกมากมาย จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจร่วมงานได้ในวันเวลาและสถานที่ดังกล่าว เพื่อร่วมสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของชาวไทยเชื้อสายจีนให้คงอยู่สืบไป


#จังหวัดสงขลา #เทศกาลกินเจหาดใหญ่ ประจำปี 2562 #สานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของชาวไทยเชื้อสายจีน #กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ #ILOVETHAILAND

ขอบคุณข้อมูลข่าว : ผู้สื่อข่าว – สุธิดา พฤกษ์อุดม / ผู้เรียบเรียง : วสันต์พรรษ จำเริญนุสิต

แหล่งที่มา : สวท.สงขลา

สำนักข่าวสมาคมตำรวจ