สมุทรสงคราม ตั้งใจ มุ่งมั่น สร้างสรรค์ พัฒนาต่อเนื่อง “เพื่อชาวตำบลคลองเขิน” ลงชิงนายก อบต.คลองเขิน สมัยที่ 2

สมุทรสงคราม ตั้งใจ มุ่งมั่น สร้างสรรค์ พัฒนาต่อเนื่อง “เพื่อชาวตำบลคลองเขิน” ลงชิงนายก อบต.คลองเขิน สมัยที่ 2

จากการที่ อบต.ทั่วประเทศ หมดวาระลงพร้อมกัน เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2568 กกต.ได้ประกาศให้ มีการรับสมัครทั้ง นายก อบต.และ ส.อบต.ขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 ธ.ค.2568 และกำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 11 ม.ค.2569 โดยในเช้าวันที่ 1 ธ.ค.2568 ที่ อบต.คลองเขิน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม นายอำนวย (หนุ่ม) กำเหนิดอุย เบอร์ 1 ผู้สมัครรับเลือกตั้ง นายก อบต. คลองเขิน นำทีมบริหารและสมาชิกกลุ่ม “คลองเขิน พัฒนา” มาขอโอกาสทำงานเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า พร้อมทีมงานคุณกุลชญา (หมู) หลงสวาสดิ์ รองนายกฯ และคุณนราพงศ์ (เอ็ม) ตันตระกูล รองนายกฯ ซึ่งลงร่วมทีมบริหาร ซึ่งเติบโตมาในคลองเขิน

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้พบปะและรู้จักผู้คนมากมาย ทำให้ รู้ว่าพวกเขามีความคิดเห็นอย่างไรต่อสังคมไทยเรา แต่มันคือเสียงสะท้อนของความเหลื่อมล้ำที่ฝังลึกในสังคมเรา ดังนั้น เรา…ต้องขยันให้มากขึ้น เข้าถึงประชาชนให้มากกว่านี้ วันที่ 11 ม.ค.2569 เข้าคูหากาเบอร์ 1 เพื่อเลือกทีม “คลองเขิน พัฒนา”


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

มทร.ธัญบุรี เปิดหอประชุมรองรับ ‘ศึกยูโดซีเกมส์ครั้งที่ 33’

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) ได้รับเกียรติจากการกีฬาแห่งประเทศ ไทย (กกท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬายูโด ในมห กรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 โดยกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11–14 ธันวาคม 2568 ณ หอประชุมราชมงคล จังหวัดปทุมธานี โดยมีนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และสตาฟโค้ชจาก 9 ชาติในภูมิภาคอาเซียนเข้าร่วมชิงชัยกว่า 380 คน

รองศาสตราจารย์ ดร.สมหมาย ผิวสอาด อธิการบดี มทร.ธัญบุรี เปิดเผยว่า การได้รับคัดเลือกให้เป็นสนามแข่งขันยูโดอย่างเป็นทางการในซีเกมส์ครั้งนี้ ถือเป็นเกียรติของมหาวิทยาลัย ต้องขอขอบคุณทางการกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ให้ความไว้วางใจเลือกใช้หอประชุมราชมงคลเป็นสนามแข่งขัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของมหาวิทยาลัย ทั้งด้านมาตรฐานอาคารสถานที่ ความปลอดภัย ระบบบริหารจัดการ ทาง มทร. ธัญบุรี ได้เตรียมความพร้อมด้านสถานที่ และระบบสนับสนุนต่างๆ อย่างรัดกุม เพื่อให้การแข่งขันดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหลายหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัย ทั้งด้านวิศวกรรม ความปลอดภัย การบริการสถานที่ และการอำนวยความสะดวกให้กับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทุกประเทศ

จึงขอเชิญชวนนักศึกษา บุคลากร มหาวิทยาลัยฯ ตลอดจนประชาชนและชุมชนโดยรอบร่วมเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยที่เข้าร่วมการแข่งขัน ขอร่วมเป็นพลังสนับสนุนกองทัพนักกีฬายูโดทีมชาติไทยทุกคน ให้สามารถแข่งขันอย่างเต็มศักยภาพ คว้าชัยชนะในการแข่งขันยูโดซีเกมส์ครั้งนี้

อธิการบดี มทร.ธัญบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า มทร.ธัญบุรี ยืนยันความพร้อมในการทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางด้านการจัดการแข่งขันกีฬาและกิจกรรมระดับนานาชาติ พร้อมยึดมั่นในการเป็นสถาบันการศึกษาที่พัฒนาเยาวชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

“รัฐศักดิ์ สุขยิ่ง” ผู้บริหาร ชไนเดอร์ลิฟท์(ประเทศไทย) และบุตรชาย รับพระราชทานเกียรติบัตร “พ่อตัวอย่างแห่งชาติ 2568”

“รัฐศักดิ์ สุขยิ่ง” ผู้บริหาร ชไนเดอร์ลิฟท์(ประเทศไทย) และบุตรชาย รับพระราชทานเกียรติบัตร “พ่อตัวอย่างแห่งชาติ 2568” 

สมาคมผู้อาสาสมัครช่วยการศึกษาและคัดเลือกพ่อตัวอย่างแห่งชาติ จัดงานวันพ่อแห่งชาติ ปีที่ 46 อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเทิดพระเกียรติและแสดงความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระ บรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยได้คัดเลือกและยกย่องสรรเสริญบุคคลซึ่งเป็นพ่อที่ดี สมควรได้รับเกียรติบัตรเป็นพ่อตัวอย่างแห่งชาติทั่วราชอาณา จักร

เมื่อวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุก องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ไปพระราชทานเกียรติบัตรแก่พ่อผู้เป็นแบบอย่าง จำนวนรวม 305 คน ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร

หนึ่งในผู้ที่ได้รับเกียรติอันสูงสุดนี้ คือ นายรัฐศักดิ์ สุขยิ่ง ผู้บริหารบริษัท ชไนเดอร์ลิฟท์ ประเทศไทย จำกัด (ลำดับที่ 179) ซึ่งคณะกรรมการจัดงานวันพ่อแห่งชาติได้พิจารณาแล้วว่า ท่านเป็นผู้มีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และสมควรได้รับพระราชทานเกียรติบัตร “พ่อตัวอย่างแห่งชาติ ประจำปี 2568”

การได้รับคัดเลือกในครั้งนี้ ถือเป็นการยกย่องบทบาทของ นายรัฐศักดิ์ สุขยิ่ง ในฐานะผู้นำองค์กรที่ไม่ได้จำกัดความสำเร็จไว้แค่เพียงด้านธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นบุคคลที่ มุ่งมั่นทำ ความดีเพื่อสังคมและประเทศมาโดยตลอด ด้วยจิตสำนึกในการตอบแทนคุณแผ่นดิน และเป็นแบบอย่างของพ่อที่ดูแลครอบครัวอย่างอบอุ่นควบคู่ไปกับการสร้างคุณูปการแก่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ในพิธีอันทรงเกียรติเดียวกัน ยังมีการพระราชทานโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ผู้อุป การคุณและผู้ทำคุณประโยชน์ในการจัดงานฯ จำนวน 120 โล่ ซึ่งรวมถึง คุณพงศภัค สุขยิ่ง (ลำดับที่ 60) ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ทำดีเพื่อสังคม และอุปถัมภ์ช่วยเหลือการจัดงานพ่อตัวอย่างแห่งชาติมาอย่างต่อเนื่อง

พิธีพระราชทานเกียรติบัตรแก่พ่อตัวอย่างแห่งชาติจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม 2568 โดยมีพิธีกล่าวต้อนรับพ่อตัวอย่างแห่งชาติในช่วงเวลา 06.00–09.30 น. และพิธีพระราชทานเกียรติบัตรฯ ในเวลา 10.00–12.00 น.

ในการจัดงานครั้งนี้ ยังมีการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมสถาบันครอบครัวและสังคม เช่น การมอบทุนการศึกษา 2 ประเภท ทั้งทุนด้านการศึกษาสำหรับนิสิต นักศึกษา และทุนช่วยเหลือบุคลากรทางวิชาการ (ครู อาจารย์) รวมถึงจัดทำหนังสือ “พ่อตัวอย่างแห่งชาติ” ประจำปี 2568 และจัดทำดอกพุทธรักษา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพ่อตัวอย่างแห่งชาติ 5 ขนาด

และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ได้มอบบัตรพิเศษชั่วคราวสำหรับการเดินทางไป-กลับ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ให้แก่พ่อตัวอย่างแห่งชาติและผู้ติดตามที่เดินทางมาร่วมพิธี ระหว่างวันที่ 3–7 ธันวาคม 2568

ตลอด 45 ปีที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้มอบเกียรติบัตรพ่อตัวอย่างแห่งชาติไปแล้วกว่า 14,000 คน ซึ่งสะท้อนเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการส่งเสริมสถาบันครอบครัวและยกย่องพ่อที่ดีของแผ่นดินให้คงอยู่ในสังคมไทยต่อไป


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

ขับเคลื่อนนโยบาย “รัฐมนตรีสุรศักดิ์“ กระทรวง อว. นำไทยในเวทีโลก ใช้เทคโนโลยีปรมาณูเพื่อสันติแก้ปัญหา “วิกฤตพลาสติก”

ขับเคลื่อนนโยบาย “รัฐมนตรีสุรศักดิ์“ กระทรวง อว. นำไทยในเวทีโลก ใช้เทคโนโล ยีปรมาณูเพื่อสันติแก้ปัญหา “วิกฤตพลาสติก”

ประเทศไทยประกาศความมุ่งมั่นในการใช้ “เทคโนโลยีปรมาณูเพื่อสันติ” เป็นเครื่องมือสำ คัญในการแก้ปัญหามลพิษพลาสติกที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก ภายในเวทีประชุม International High-Level Forum on NUTEC Plastics ซึ่งได้รับเกียรติจากประธานา ธิบดีฟิลิปปินส์และผู้อำนวยการใหญ่ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) เข้าร่วมพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์

ในการประชุมครั้งนี้ นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทย กล่าวว่า ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล ได้มอบหมายและขับเคลื่อนนโยบาย “วิทย์พิชิตภัย” ซึ่งมุ่งนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะมลพิษจากพลาสติกที่เป็นปัญหาสำคัญของประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีปริมาณขยะพลาสติกจำนวนมหาศาลต่อปี แต่สามารถรีไซเคิลได้เพียงส่วนน้อย ซึ่งขยะพลาสติกดังกล่าวใช้เวลาย่อยสลายนานเกือบ 1,000 ปี ส่วนหนึ่งหลุดรอดลงสู่แหล่งน้ำ แม่น้ำ และทะเล กลายเป็นไมโครพลาสติกส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ สัตว์ทะเล ความปลอดภัยด้านอาหาร และสุขภาพของประชาชน รวมถึงภาคการท่องเที่ยวของประเทศ จึงจำเป็นต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและยั่งยืน

ประเทศไทยได้เข้าร่วมโครงการของ IAEA ภายใต้ NUTEC Plastics Initiative จำนวน 5 โครงการ และได้นำลำแสงอิเล็กตรอน Electron Beam (EB) โดยสถาบันเทคโนโลยีนิว เคลียร์แห่งชาติ (สทน.) มาช่วยเพิ่มคุณภาพพลาสติกรีไซเคิลและยืดอายุการใช้งาน ช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกที่จะเข้าสู่สิ่งแวดล้อม รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปรมาณูเพื่อสันติร่วมกับเครื่องมือขั้นสูงในการวิเคราะห์ไมโครพลาสติกในระบบนิเวศทางทะเล และการประเมินผลกระทบของไมโครพลาสติกต่อสัตว์ทะเลเศรษฐกิจของไทยและสุขภาพประชาชน โดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมควบคุมมลพิษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยศิลปากร

การดำเนินการดังกล่าวภายใต้นโยบาย รัฐมนตรีกระทรวง อว. ทำให้ประเทศไทยไทยก้าวสู่ผู้นำอาเซียนด้านการจัดการขยะทะเล นอกจากบทบาทด้านเทคโนโลยีปรมาณูเพื่อสันติ ไทยยังมีบทบาทนำในระดับภูมิภาคในการจัดทำ “ปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในอาเซียน” ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือสำคัญในการลดขยะทะเลของภูมิภาค

ผู้เข้าร่วมประชุมจากประเทศไทยประกอบด้วยผู้แทนจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ มหาวิทยาลัยศิลปากร และสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ

โดยหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้กล่าวเน้นย้ำในเวทีโลกว่า ประเทศไทยพร้อมสนับสนุนและผลักดันการดำเนินงานภายใต้ NUTEC Plastics Initiative อย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อมั่นว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีปรมาณูเพื่อสันติสามารถช่วยแก้ปัญหาพลาสติกได้ครบวงจร ตั้งแต่การรีไซเคิลไปจนถึงการติดตามมลพิษทางทะเล นำไปสู่เป้าหมาย “สิ่งแวดล้อมสะอาด ปราศจากมลพิษ ประชาชนสุขภาพดีปลอดภัยอย่างยั่งยืน”
https://mgronline.com/science/detail/9680000117123


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

กล้อง AI จับ “บัญชีม้า” รายที่ 648 ก่อนข้ามด่านหนองคาย ขณะผบช.ทท. ตรวจราชการพื้นที่หนองคาย

กล้อง AI จับ “บัญชีม้า” รายที่ 648 ก่อนข้ามด่านหนองคาย ขณะผบช.ทท. ตรวจราชการพื้นที่หนองคาย

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น. ระหว่างที่ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท., พล.ต.ต.โอฬาร เอี่ยมประภาส ผบก.ทท.2 และคณะ พร้อมด้วย พ.ต.อ.นพดล รักชาติ ผกก. ตม.หนองคาย ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาว บริเวณด่านพรมแดนหนองคาย ระบบกล้องอัจฉริยะ (AI) ของสถานีตำรวจท่องเที่ยวหนองคาย ได้แจ้งเตือนพบบุคคลต้องสงสัยตามหมายจับคดีบัญชีม้า

เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจึงเข้าตรวจสอบทันที และสามารถ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทันทีในพื้นที่ นับเป็น รายที่ 648 ที่จับกุมได้จากระบบกล้อง AI ของตำรวจท่องเที่ยว

ผบช.ทท. ได้ชมเชยการทำงานในการบรูณาการร่วมกันระหว่างตำรวจท่องเที่ยวหนองคาย และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มพื้นที่ปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

เปิดยุทธการ “Quick Big Win” เดือนพฤศจิกายน ยึดกัญชา–ไอซ์–บุหรี่ไฟฟ้า มูลค่าของกลางกว่า 152 ล้านบาท

เปิดยุทธการ “Quick Big Win” เดือนพฤศจิกายน ยึดกัญชา–ไอซ์–บุหรี่ไฟฟ้า มูลค่าของกลางกว่า 152 ล้านบาท

นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่ ท่านเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนภารกิจเชิงรุก ในการสกัดกั้นยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมายตามนโยบายรัฐบาลภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาด้านยาเสพติด และกำหนดให้เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล (Quick Big Win) ที่ต้องดำเนินการให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อปกป้องสังคมและความมั่นคงของประเทศ โดยตั้งแต่วันที่ 1–30 พฤศจิกายน 2568 ผลการตรวจยึดยาเสพติดพร้อมทั้งสินค้าผิดกฎหมายต่างๆ มูลค่ารวม 152.89 ล้านบาท ดังนี้

ผลการปฏิบัติงานตาม Quick Big Win in Anti-Drug Trafficking : กรมศุลกากรจัดกิจกรรมการขับเคลื่อนมาตรการการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล (Quick Big Win in Anti-Drug Trafficking) โดยร่วมกับหน่วยปฏิบัติการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภายในและภายนอกประเทศและโครงการความร่วมมือด้านปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ท่าอากาศยาน (Airport Interdiction Task force : AITF) ที่มีกรมศุลกากร กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บูรณาการทำการตรวจสอบพัสดุไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศ รวมถึงการตรวจสอบการลักลอบนำเข้า และส่งออกยาเสพติดผ่านทางท่าอากาศยาน

สำหรับในช่วงเวลา ตั้งแต่วันที่ 1–30 พฤศจิกายน 2568 สามารถตรวจยึดยาเสพติดประเภทต่างๆ รวมมูลค่า 19.92 ล้านบาท ได้แก่

  • ยาเสพติดให้โทษร้ายแรง ได้แก่ MDMA ทั้งแบบเกล็ดและแบบผง จำนวน 3,770 กรัม เฮโรอีน 2,200 กรัม โคคาอีน 256 กรัม และยาอี 309 เม็ด
  • วัตถุออกฤทธิ์ และอื่นๆ ได้แก่ ไอซ์ น้ำหนัก 118 กรัม คีตามีน 72.5 กรัม ไนเมตาซีแพม 380 กรัมและสารสกัดกัญชา 454 กรัม
  • สารตั้งต้น ได้แก่ กรดอาเซติก 22,200 กิโลกรัม

ผลปฏิบัติการเชิงรุก (Quick Big Win) : กวาดล้างการกระทำผิดทางศุลกากร

  • กลุ่มปลอมแปลงถิ่นกำเนิดและสวมสิทธิ์ (บิดเบือนข้อมูล/ละเมิดเครื่องหมายการค้า) เช่น
    • ตรวจยึดเครื่องวัดปริมาณการจ่ายกระแสไฟฟ้า จำนวน 22,656 เครื่อง มูลค่า 20 ล้านบาท ขนส่งมาจากประเทศจีน นำเข้า ณ ท่าเรือแหลมฉบัง แต่ปรากฏข้อความบนฉลาก “MADE IN THAILAND”
    • ตรวจยึดโช้คอัพ จำนวน 1,273 ชิ้น มูลค่า 1 ล้านบาท นำเข้า ณ ท่าเรือแหลมฉบัง แต่ปรากฏข้อความบนฉลาก “MADE IN THAILAND” และละเมิดเครื่องหมายการค้าของ KYB
  • กลุ่มความปลอดภัยต่อผู้บริโภค (ไม่มีมาตรฐาน มอก. / ลักลอบนำเข้า/ เลี่ยงอากร) เช่น
    • ตรวจยึดพาวเวอร์แบงค์และหัวชาร์จ จำนวน 49,000 ชิ้น มูลค่า 10 ล้านบาท จับกุมได้ที่โกดัง เขตบางขุนเทียน กทม. โดยผู้กระทำความผิดมีการครอบครองสินค้าไม่ได้ที่มาตรฐานและไม่ได้รับอนุญาตนำเข้า รวมถึงการลักลอบนำเข้า และการหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร
    • ตรวจยึดของเล่นเด็ก จำนวน 64,000 ชิ้น มูลค่า 5 ล้านบาท จับกุมได้ที่โกดังเขตมีนบุรี กทม. โดยผู้กระทำความผิดมีการครอบครองสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่ได้รับอนุญาตนำเข้า รวมถึงการลักลอบนำเข้า ซึ่งสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าไม่ปลอดภัยต่อเด็ก
    • ตรวจยึดผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่น มูลค่า 1.5 ล้านบาท ขนส่งมาจากประเทศจีน นำเข้า ณ ท่าเรือแหลมฉบัง กรณีนี้เป็นความผิดในการเลี่ยงอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (29.5%) และเป็นสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่ได้รับอนุญาตนำเข้า

ผลงานการจับกุมบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า : กรมศุลกากรปฏิบัติงานด้านการสืบสวนและปราบปรามการลักลอบนำเข้าบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสามารถจับกุมบุหรี่ไทยและต่างประเทศ จำนวน 3,725,260 มวน, บุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ จำนวน 17,651 แท่ง/อัน/กล่อง/เซต ตามแหล่งช่องทางต่างๆ เช่น บริษัทเอกชน เพิงพัก
พัสดุจากต่างประเทศ รวมถึงหีบห่อไปรษณีย์ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 20.21 ล้านบาท

ผลการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายอื่นๆ : กรมศุลกากรได้จับกุมสินค้าเกษตร ได้แก่ กัญชา กระเทียม หอมแดง มะม่วง อโวคาโด พริกไทยสด–แห้ง เมล็ดข้าวโพด น้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล และสินค้าอื่นๆ รวมมูลค่า 75.24 ล้านบาท

อธิบดีกรมศุลกากรยังเปิดเผยต่ออีกว่า สำหรับสถิติในการจับกุมสินค้าผิดกฎหมายในช่วงปีงบประมาณ 2569 (ข้อมูลตั้งแต่ 1 ตุลาคม–30 พฤศจิกายน 2568) กรมศุลกากรสามารถจับกุมยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ มูลค่า 61.16 ล้านบาท กัญชา มูลค่า 52.78 ล้านบาท บุหรี่ 39.94 ล้านบาท บุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ 18.40 ล้านบาท และสินค้าอื่นๆ มูลค่า 196.16 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งหมด 368.46 ล้านบาทกรมศุลกากรยืนยันว่าจะเดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยของสังคมและประชาชน


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

กรมศุลกากรจัดตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการลักลอบยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายภาคใต้”

กรมศุลกากรจัดตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการลักลอบยาเสพติดและสิ่งผิดกฎ หมายภาคใต้”

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 เวลา 10.30 น. : นายดิเรก คชารักษ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร เป็นประธานในพิธีเปิด “ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการลักลอบยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายภาคใต้” โดยมีผู้แทนจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, สถานีตำรวจภูธรสาคู และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติเข้าร่วมในพิธีเปิดฯ ณ ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต

นายดิเรก คชารักษ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า การจัดตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการลักลอบยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายภาคใต้” แห่งนี้ สืบเนื่องจากนโยบาย “Quick Big Win” ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และข้อสั่งการของนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร ที่ต้องการเห็นผลสัมฤทธิ์ในการปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรมภายในระยะเวลาอันรวดเร็วเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนไทยและสังคมโลก

ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ขบวนการค้ายาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการลักลอบให้มีความซับซ้อนยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ทั้งในด้านการท่องเที่ยวและการคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการถูกใช้เป็นเส้นทางผ่าน และจุดกระจายสิ่งผิดกฎหมาย ทั้งยาเสพติดและสินค้าลักลอบหนีศุลกากร ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและระบบเศรษฐกิจของประเทศ

กรมศุลกากร จึงได้ระดมสรรพกำลังจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฯ แห่งนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ 3 ประการ ดังนี้

  1. เพื่อใช้เป็นศูนย์บัญชาการในการควบคุม สั่งการ และบริหารจัดการสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบขนยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่ภาคใต้
  2. เพื่อยกระดับศักยภาพในการปฏิบัติการข่าว และการสกัดกั้น ให้มีความแม่นยำ รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์
  3. เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานความร่วมมือ และบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภายในกรมศุลกากร และหน่วยงานภายนอก เช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)

สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

ขบวนเสบียงทะลวงวิกฤต! สงขลายิ้มทั้งจังหวัด น้ำใจจากสมุทรสาคร หลั่งไหลช่วยผู้ประสบภัย

ขบวนเสบียงทะลวงวิกฤต! สงขลายิ้มทั้งจังหวัด น้ำใจจากสมุทรสาครหลั่งไหลช่วยผู้ประสบภัย

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2568 ที่จ.สงขลา พื้นที่น้ำท่วมในหลายอำเภอของจังหวัดสงขลาเริ่มมี “แสงแห่งความหวัง” เมื่อขบวนความช่วยเหลือชุดใหญ่จากตลาดมหาชัยเมืองใหม่ จังหวัดสมุทรสาคร เดินทางถึงพื้นที่ประสบภัยเป็นที่เรียบร้อย และขณะนี้ กำลังเร่งกระจายสิ่งของสู่มือพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง สร้างภาพแห่งความอบอุ่นกลางวิกฤตที่สะท้อนชัดว่า คนไทยไม่เคยทิ้งกัน

ภารกิจครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นใน วันสำคัญของชาติ 5 ธันวาคม วันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร,วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ทำให้บรรยากาศในพื้นที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่ง “การให้” และ “ความสามัคคี” จากทุกภาคส่วน ทั้ง เอกชน–สื่อมวลชน–ภาครัฐ–ภาคประชาชน ที่ผนึกกำลังกันอย่างไร้รอยต่อ

การช่วยเหลือครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือของบุคคลหลายภาคส่วน อาทิ นายสุรเดช มณีไพศาลสกุล ที่ปรึกษาตลาดมหาชัยเมืองใหม่ และเจ้าของสื่อออนไลน์ 3 สำนัก, นายสมชาย จรรยา อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย, นาย นวพล เอี่ยมสอาด รองอัยการจังหวัดคดีศาลแขวงนนทบุรี, นายชัยยุทธ กลับอำไพ ผู้พิพากษาอาวุโสศาลอุทธรณ์ภาค 6, นายชูชาติ นัยอรุณ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง กองราชพิธี, นายจุมพจน์ วิเชียรรัตน์ สมาชิกชมรมปักษ์ใต้ จังหวัดพิษณุโลก, นายพงษ์ศรี (ยุทธพงษ์) ศิวาโมก ที่ปรึกษาอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดชุมพร และ นายจตุรนต์ คชสีห์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดชุมพร

พลังจากหลายทิศได้รวมตัวเป็น “กองหนุนขนาดใหญ่” เพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวสงขลาในยามลำบากอย่างเป็นรูปธรรม ยอดสิ่งของที่กำลังแจก ณ จุดเกิดเหตุ ข้าวสาร จำนวน 1,000 ถุง,บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จำนวน 2,000 ห่อ

ขณะนี้อาสาสมัครและทีมสนับสนุนได้เร่งกระจายสิ่งของลงสู่หลายพื้นที่ ทั้งใน อำเภอจะนะ, ระโนด, กระแสสินธุ์ และพื้นที่ลุ่มต่ำที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าให้ประชาชนที่กำลังเผชิญวิกฤตน้ำหลาก

ภาพที่ปรากฏในจุดแจกเป็นภาพของ รอยยิ้มที่ปะปนกับน้ำตาแห่งความดีใจ ขณะชาวบ้านได้รับถุงยังชีพที่เฝ้ารอ เสียงขอบคุณและกำลังใจจากสองฟากฝั่งสะท้อนความหมายลึกซึ้งของคำว่า “คนไทยไม่ทิ้งกันในยามยาก และพร้อมเดินผ่านวิกฤตไปด้วยกัน”

จากน้ำใจชาวสมุทรสาคร สู่หัวใจพี่น้องชาวสงขลา นี่คือพลังอันงดงามของคนไทยที่ยังคง “ยืนเคียงกันเสมอ แม้ในวันที่คลื่นน้ำล้นฝั่ง”


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

“อู๊ด เป็นต่อ–พี่ต้อยหมวกแดง” โชว์ลูกคอฮาลั่น! ร่วมร้อง ‘สามีตัวอย่าง’ แบบฟีลลิ่งจัดเต็ม

“อู๊ด เป็นต่อ–พี่ต้อยหมวกแดง โชว์ลูกคอฮาลั่น! ร่วมร้อง ‘สามีตัวอย่าง’ แบบฟีลลิ่งจัดเต็ม”

บรรยากาศสุดครึกครื้นกำลังจะเกิดขึ้นเมื่อ อู๊ด เป็นต่อ จับไมค์ร้องเพลงคู่กับ พี่ต้อยหมวกแดง ในบทเพลงดัง “สามีตัวอย่าง” แบบ ฟีลลิ่งเต็มร้อย ความสนุกล้น กำลังจะกลับมาทำให้แฟนคลับที่กำลังรอให้ได้ติดตามกัน

งานนี้อู๊ดจัดลีลาร่วมร้องเพลงอย่างไพเราะ ส่วนพี่ต้อยหมวกแดงก็โชว์น้ำเสียงและคาแรกเตอร์เอกลักษณ์เข้าขากันอย่างลงตัว เกิดเป็นโมเมนต์น่ารัก ที่หลายคนยกให้เป็น “คู่ร้องสุดเซอร์ไพรส์” ประจำสัปดาห์

ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันที่สร้างรอยยิ้มให้กับแฟน ๆ อย่างมาก พร้อมเสียงเรียกร้องให้ทั้งคู่กลับมาร่วมแจมกันอีกครั้งในอนาคต

ส่วนเอ็มวีจะเป็นยังไงคอยติดตามชมรับรองสนุกแน่เพราะสองคนอารมณ์ดีนี้แล้วมีเรื่องปลาดๆ ฮาๆ อยู่บ่อยบ่อย ฝากติดตามกันด้วยนะคราฟฟฟป๋ม
https://drive.google.com/file/d/1_TlqagGnXf2tCLlIF_rpqKk4mdrF5cLM/view?usp=drivesdk


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

ปทุมธานีร่วมเชียงราย ผนึกกำลังปิดล้อม ทลายเครือข่ายยานรก 6.7 ล้านเม็ด กลางลานจอดห้างดัง

ปฏิบัติการเข้มข้นตามนโยบายนายกรัฐมนตรีที่ประกาศให้ยาเสพติดเป็น “วาระแห่งชาติ” หน่วยงานความมั่นคงหลายสังกัดเปิดยุทธการไล่ล่าขบวนการค้ายา กระทั่งปิดเกมสำเร็จ ยึดยาบ้าล็อตมโหฬารกว่า 6,756,000 เม็ด

เมื่อวันที่ 5–6 ธ.ค.2568 เจ้าหน้าที่ ศอ.ปส.ภ.จ.ปทุมธานี บูรณาการร่วมกับตำรวจภูธรภาค 1, ภ.จ.เชียงราย, ปส.3, ปปส.ภาค 1 และหน่วยข่าวกรองทหารภายใต้การอำนวยการของผู้ว่าราชการจังหวัดผู้บัญชาการ และผู้บังคับบัญชาหลายหน่วย ร่วมกดดันไล่ติดตามเครือข่ายขนลำเลียงยาเสพติดจากเหนือสู่ปทุมธานีอย่างต่อเนื่อง

ผลการจับกุม จับกุม นาย เอ (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี พบยาบ้า 38 กระสอบ รวมกว่า 6.7 ล้านเม็ดซุกซ่อนในรถยนต์ฮอนด้า สีขาว ผู้ต้องหารับสารภาพ เคยรับจ้างขนมาแล้ว 2 ครั้ง

จุดจับกุมได้ที่ลานจอดรถห้างดัง ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย หลังเจ้าหน้าที่สะกดรอยตั้งแต่ปทุมธานี → เชียงราย ก่อนปิดล้อมเงียบแบบเฉียบพลัน แจ้งข้อหา ครอบครองเพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เป็นภัยต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน

แจ้งเบาะแสอาชญากรรมยาเสพติด
ตำรวจภูธรภาค 1 : 02-9362177 , 02-9362180
ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี : 02-5815207
(ข้อมูลของท่านจะถูกเก็บเป็นความลับ)

#ตำรวจภูธรภาค1 #ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี #ปทุมธานีปราบยาเสพติด #ภาค1กวาดล้างยาเสพติด #เชียงรายปิดเกม #ยานรก6ล้านเม็ด #ตำรวจไทยใจถึง #มั่นคงปลอดภัย #DrugFreeThailand


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน