กองกำลังผาเมือง ปะทะกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสwติด ยึดยาu้า จำนวน 7,200,000 เม็ด ในพื้นที่ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

กองกำลังผาเมือง ปะทะกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสwติด ยึดยาu้า จำนวน 7,200,000 เม็ด ในพื้นที่ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 เวลา 2200 นาฬิกา กองร้อยทหารม้าที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก จัดกำลังพล จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิด ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสwติด พ.ศ. 2564 และได้ปะทะกับกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด บริเวณ บ้านผาหมี ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ผลการปะทะ ฝ่ายเราปลอดภัย

ต่อมาเมื่อเวลา 22.30 นาฬิกา ได้มีบุคคลต้องสงสัย จำนวน 1 ราย (ชาย) ขับขี่รถยนต์ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่น ปาเจโร่ สีดำ หมายเลขทะเบียน ฆณ 6623 กรุงเทพมหานคร เข้ามายังบริเวณพื้นที่เกิดเหตุ หน่วยจึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการขอตรวจค้น ทราบชื่อ นาย สุรพัฒน์ มาเยอะ อายุ 19 ปี เป็นผู้ขับขี่ ผลการตรวจค้น ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จากการตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าว พบว่าข้อมูลรถยนต์ไม่ตรงกับแผ่นป้ายทะเบียนที่ใช้ (แผ่นป้ายทะเบียนปลอม) หน่วยได้นำตัว นาย สุรพัฒน์ฯ ส่ง สภ.แม่สาย ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแม่สาย อยู่ระหว่างทำการสอบสวนผู้ต้องสงสัย

ต่อมาเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2568 เวลา 06.30 นาฬิกา หน่วยได้จัดกำลังพล ทำการ ลาดตระ เวนพิสูจน์ทราบ บริเวณพื้นที่เกิดเหตุ ผลการปฏิบัติ พบกระสอบดัดแปลงเป็นเป้สะพายหลัง ภายในบรรจุยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 30 กระสอบๆ ละ 240,000 เม็ด รวมประมาณ 7,200,000 เม็ด ไม่พบกลุ่มขบวนการฯ บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

และเมื่อเวลา 12.30 นาฬิกา พลตรี สาธิต ไวยนนท์ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง/ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองกำลังผาเมือง พร้อมด้วย พันเอก สุพรรณ ร้อยพุทธ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ลงพื้นที่ตรวจสอบของกลางยาเสพติด ร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ พร้อมทั้งชี้แจงให้ข้อมูลให้กับสื่อมวลชน บริเวณพื้นที่เกิดเหตุ ปัจจุบันหน่วยได้นำของกลางส่งสถานีตำรวจภูธรแม่สาย เพื่อดำเนินการตามกฎ หมายต่อไป

สรุปผลการสกัดกั้นยาlสwติด ในห้วงตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 ถึงปัจจุบัน หน่วยสามารถสกัดกั้นยาเสพติดได้ 59 ครั้ง จับกุมผู้ต้องหาได้ 68 คน ตรวจยึดยาบ้าได้ 36,323,549 เม็ด, เฮโรอีน 1.2 กิโลกรัม, ไอซ์ 745 กิโลกรัม และ ฝิ่น 1.54 กิโลกรัม การปะทะกับกลุ่มขบวนการ จำนวน 8 ครั้ง กลุ่มขบวนการฯ เสียชีวิต 8 ราย ซึ่งหากยาlสwติดที่ตรวจยึดได้ดังกล่าว ถูกลำเลียงเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานคร จะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจจากมูลค่าของยา lสwติดที่จำหน่ายถึง 6,194.8 ล้านบาท (6,194,818,330 บาท)

#ทหารมีไว้เพื่อปกป้องอธิปไตย #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #กองกำลังผาเมือง #กองทัพภาคที่3 #กองทัพบก


นที มีเดช รายงาน

คณะกรรมาธิการ การทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ร่วมกิจกรรม NPAT Nature Talk ครั้งที่ 65

คณะทำงานศึกษาและรวบรวมข้อมูลร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ พ.ศ. …. ในคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา

วันที่ 30 ตุลาคม 2568 เวลา 09.00-12.00 น. ณ ห้องประชุม FORTROP ชั้น 3 ตึกวนศาสตร์ 60 ปี คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประธานคณะกรรมาธิการและนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล เลขานุการและโฆษกคณะกรรมาธิการในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฯ มอบหมายรองศาสตราจารย์ ดร.วันชัย ปานจันทร์ รองหัวหน้าคณะทำงาน คนที่หนึ่ง, พลเอก บัณฑิต สุวัฑฒน รองหัวหน้าคณะทำงาน คนที่สอง, ผู้ช่วยศาสตราจารย์สิปปกร ลิ่วตระกูล, นายก้องกิดาการ ประพันธ์บัณฑิต, รองศาสตราจารย์ ดร.ปรัชญา ชุ่มนาเสียว, คณะทำงาน เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม NPAT Nature Talk ครั้งที่ 65 หัวข้อ “บทบาทและแนวทางการคัดค้าน พ.ร.บ. นิรโทษกรรมคนบุกรุกป่า ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ พ.ศ. ….” ซึ่งวิทยากร นายพสิษฐ์ เอี๋ยวพานิช นายกสมาคมอุทยานแห่งชาติ นางทิพย์พาพร ตันติสุนทร ผู้อำนวยการสถาบันนโยบายศึกษา ดำเนินรายการโดยนายพัลลภ กฤตยานวัช ที่ปรึกษาสมาคมอุทยานแห่งชาติ

ทั้งนี้ คณะทำงานฯ จะนำข้อมูลที่ได้จากกิจกรรมมาศึกษาและรวบรวมให้ความเห็นหรือข้อสัง เกตต่อร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่คณะกรรมาธิการการทหารฯ มอบหมายให้ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ข้อ 119 เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภาต่อไป


พลเอก สวัสดิ์ฯ มอบหมายตัวแทนร่วมพิธีทำบุญตักบาตร ในนามคณะกรรมาธิการการทหารฯ เป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตครบสัตตมวาร (7 วัน)

พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา
มอบหมาย นายสมบูรณ์ หนูนวล รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง เป็นผู้แทนนำคณะกรรมาธิการ, นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล เลขานุการและโฆษกคณะกรรมาธิการ, นายธนัชญ์พงศ์ วงศ์มุลาลี, นางสาวนวลนิจ หงษ์วิวัฒน์ และนาวาตรี วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ กรรมาธิการ พร้อมบุคลากรในวงงานคณะกรรมาธิการการทหารฯ เข้าร่วมพิธีทำบุญตักบาตรเพื่ออุทิศถวายในนามคณะกรรมาธิการการทหารฯ เป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตครบสัตตมวาร (7 วัน)

ในเช้าวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม 2568 เวลา 07.30 น. วุฒิสภาจัดพิธีทำบุญตักบาตรเพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตครบสัตตมวาร (7 วัน) ในเช้าวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม 2568 เวลา 07.30 น. ตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 10 รูป (ข้าวสาร/อาหารแห้ง) ณ บริเวณริมท่าน้ำเจ้า พระยา เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงที่ทรงมีต่อปวงพสกนิกรชาวไทยตลอดมา


คนไทยต้องไม่ถูกสแกม !

!“สแกม” คืออาชญากรรมยุคดิจิทัลที่เติบโตเร็วมาก สร้างความเสียหายนับหมื่นล้านบาทต่อปี ไม่เพียงแต่กระทบต่อกระเป๋าเงินของประชาชนเท่านั้น แต่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศอีกด้วย

1. จาก “โทรหลอก” ถึง “AI หลอก”ยุคแรกของการสแกมเริ่มจาก “โทรหลอก – ส่ง SMS – ทักแชทปลอม” แต่วันนี้พัฒนามาเป็นอาชญากรรมไซเบอร์ชั้นสูงด้วยเทคโนโลยี “Deepfake & AI Scam” ที่สมจริงจนยากจะแยกแยะ

ตัวอย่างภัยใกล้ตัว

(1) ปลอมเป็นพนักงานธนาคาร โทรแจ้งว่าบัญชีของคุณมีปัญหา หลอกให้โอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว

(2) ส่งข้อความแจ้งว่าคุณมีพัสดุรอรับ หรือคุณได้รับรางวัล พร้อมส่งลิงก์ให้กดเพื่อขโมยข้อมูล

(3) โทรหลอกลงทุนโดยเสนอผลตอบแทนสูง หรือชวนเข้าร่วมธุรกิจแชร์ลูกโซ่

(4) ใช้เทคโนโลยี AI ปลอมเสียงคนใกล้ชิด หรือสร้างหน้าเหมือนกันเป๊ะ! ขอเงินด่วนแบบแนบเนียน

(5) สร้างเว็บไซต์ธนาคารหน้าตาเหมือนของจริงทุกอย่าง เพื่อหลอกให้กรอกข้อมูลบัตรเครดิต

ไม่ว่าคุณจะรู้เท่าทันแค่ไหน… แค่พลาด “เพียงครั้งเดียว” ก็อาจหมดตัวได้ภายในไม่กี่นาที

2. ทำไมคนไทยจึงยังถูกหลอกซ้ำๆ?

เพราะเรายังไม่มีระบบตรวจสอบอัตโนมัติว่าเบอร์หรือบัญชีที่ติดต่อมานั้นเป็น “ของจริงหรือของปลอม” ไม่มีระบบเตือนภัยแบบเรียลไทม์ที่แจ้งเตือนประชาชนได้ทันก่อนเกิดความเสียหาย และเมื่อหลงเชื่อ โอกาสได้เงินคืนแทบเป็นศูนย์

3. แล้วทำไมภาครัฐจึงยังสกัดไม่อยู่?

(1) หน่วยงานทำงานแยกกัน ไม่มี “ศูนย์บัญชาการกลาง (Command Center)”

(2) ข้อมูลกระจัดกระจาย ไม่มีฐานข้อมูลกลางแห่งชาติ

(3) การตอบโต้ช้า ทั้งการอายัดบัญชีและปิดเบอร์โทร ต้องใช้เวลาหลายวัน

(4) เครื่องมือและบุคลากรด้านไซเบอร์ยังมีไม่เพียงพอ

(5) ประชาชนไม่รู้จะแจ้งเหตุที่ไหน ไม่มีช่องทางเดียวที่เข้าถึงได้ง่าย

4. ถึงเวลาต้องมี “ศูนย์บัญชาการต่อต้านภัยสแกมแห่งชาติ” ควรมีการจัดตั้ง “ศูนย์บัญชาการต่อต้านภัยสแกมแห่งชาติ (National Anti-Scam Command หรือ NASC)” ที่มีบทบาทในการปกป้องคนไทยไม่ให้ถูกสแกม หรือ เป็น “เกราะดิจิทัลแห่งชาติ” ที่รวมทุกภาคส่วนไว้ในที่เดียว เพื่อหยุดภัยสแกมแบบเรียลไทม์

บทบาทหลักของ NASC

(1) เชื่อมโยงข้อมูลจากธนาคาร บริษัทโทรคมนาคม และตำรวจ

(2) ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ตรวจจับ “เสียง-ข้อความ” ปลอม

(3) ส่งสัญญาณเตือนภัยถึงมือประชาชนทันทีผ่าน “NASC Alert” เพื่อให้รู้ตัวก่อนตกเป็นเหยื่อ

(4) สั่งอายัดบัญชี หรือปิดเบอร์โทรศัพท์โดยอัตโนมัติ ด้วยระบบ SOAR (Security Orchestration, Automation, and Response หรือ ระบบประสานงาน และตอบโต้ภัยไซเบอร์แบบอัตโนมัติ)

5. จัดการได้ใน 5 นาทีหากมี NASC ระบบจะสามารถจัดการภัยสแกมได้ภายในเวลาไม่เกิน 5 นาที จากเดิมต้องใช้เวลาหลายวัน ประชาชนจะได้รับการคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมง และคาดว่าจะลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจได้ไม่น้อยกว่า 70%

“ภัยสแกม” ไม่เลือกเหยื่อ ไม่เลือกอาชีพ ไม่เลือกอายุ ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องมีระบบป้องกันและตอบโต้ภัยหลอกลวงระดับชาติ เพราะคนไทยทุกคน… ไม่ควรถูกหลอกอีกต่อไป


ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์
อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ทุ่งทานตะวัน เพื่อการท่องเที่ยวพร้อมรอรับนักท่องเที่ยวมาเยือน

จังหวัดลพบุรี – ทุ่งทานตะวัน เพื่อการท่องเที่ยว ออกดอกบานสะพรั่งเหลืองอร่ามสวยงาม พร้อมรอรับนักท่องเที่ยว ในช่วยเดือน พฤศจิกายน ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า

นายธนณัฐ อาจิณกิจ นายอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย นางอารีย์ ฤกษ์สภาพ ผู้อำนวยการสำนักงาน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานลพบุรี นางสวามินี อิสระทะ ประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรี และ นายก้องไพร ภู่เขียวนายก อบต.หนองบัว นำคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่เยี่ยมชมและประชาสัมพันธ์ ทุ่งทานตะวันแปลงแรกของ อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี บานแล้ว ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้น ฤดูกาลท่องเที่ยว ทุ่งทานตะวันบาน เพื่อส่งมอบคุณค่าและประสบการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ในรูปแบบของการ “เที่ยวเมืองไทยไม่ไกลจากกรุงเทพฯ” โดยทุ่งทานตะวันบานแปลงแรกของอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ชื่อ … ทุ่งทานตะวัน “ บ้านกล้วยและไข่ ” ซึ่งขณะนี้ กำลังทยอยพากันออกดอกบานสะพรั่งเหลืองอร่ามสวยงามเต็มท้องทุ่ง โดยมีพิกัดอยู่ที่ จุดเช็คอินแห่งใหม่ระหว่างเส้นทางไปเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ ก่อนถึงเขื่อนประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งมีพื้นที่รวมกัน กว่า 100 ไร่ เริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยว ในช่วงเดือน พฤศจิกายน ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า ( 2569) ซึ่งทุ่งทานตะวัน … บ้านกล้วยและไข่ เป็นลักษณะทุ่งทานตะวันแปลงใหญ่ ผสมผสานกับแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ของอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี

โดยในทุ่งทานตะวันแห่งนี้ จะมีแปลงปลูก ซึ่งมีการบริหารจัดการเป็นอย่างดี จัดสรรพื้นที่ โดยสลับหมุนเวียนกันปลูกเป็น 6 แปลงใหญ่ ให้มีการออกดอกเบ่งบานต่อเนื่องทดแทนกันได้ตลอดฤดูกาล ร่วมกับไม้ดอกไม้ประดับชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะ Yellow Cosmos หรือ ดอกคอสมอสสีเหลือง พร้อมกับมีมุมถ่ายรูปที่หลากหลายไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีการจัดรถกอล์ฟ และรถยนต์ชมทุ่งขนาดใหญ่ ไว้ค่อยให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยวสำหรับเข้าชมทุ่งทานตะวันและสวนดอกไม้ด้วย ซึ่งปกติแล้ว เกษตรกร ผู้ปลูกทานตะวัน ส่วนใหญ่ จะเลือกฤดูกาลเพาะปลูกทานตะวัน ให้เบ่งบานในช่วงปลายฝนต้นหนาว เนื่องจากทานตะวันเป็นพืชที่ทนต่อความแห้งแล้ง และอากาศเย็นได้ดี หันหน้าสู้แดดอยู่ตลอดเวลา

และในช่วงที่ ทานตะวัน ออกดอกบานสะพรั่ง เหลืองอร่ามสวยงามเต็มท้องทุ่ง ก็จะมีการเปิดพื้นที่บางส่วนให้นักท่องเที่ยวได้เข้าเที่ยวชมทุ่งทานตะวันบาน เพื่อเซลฟี่ เช็คอิน เก็บภาพสวยๆ กับครอบครัว ในสไตล์ “ เช็คอินเมืองไทย ไม่ไกลจากกรุงเทพ ฯ ” ซึ่งที่ บ้านกล้วยและไข่ แห่งนี้ ยังมีโซน Mini Zoo ซึ่งจัดเป็นสวนสัตว์ขนาดเล็ก เพื่อเด็กๆ ได้ทำกิจกรรมกับครอบครัว อาทิ การให้อาหารกระต่าย การให้นมหมูแคระ การให้นมแพะ การให้นมลูกวัว และ การให้อาหารปลา ท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่น อีกด้วย ส่วนนักท่องเที่ยว ที่เข้าชมทุ่ง แห่งนี้ จะต้องซื้อคูปอง มีค่าเข้าชม ท่านละ 40 บาท เด็กเล็กเข้าชมฟรี โดยคูปองทุกใบจะนำไปเป็นส่วนลดค่าอาหาร หรือ เครื่องดื่ม ได้ใบละ 20 บาท ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่ามาก กับบรรายากาศ และกิจกรรมต่างๆ ภายในทุ่ง ทานตะวันแห่งนี้

ด้าน นายธนณัฐ อาจิณกิจ นายอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี กล่าวว่า….ในพื้นที่อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี เริ่มเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะช่วงที่น้ำเต็มเขื่อน ประกอบกับการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้จัดขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษ มีเกษตรกรปลูกทานตะวันทั้งด้านการเกษตร และ ด้านการท่องเที่ยว รวมกันเกือบ 1,000 ไร่ ซึ่งจะพากันทยอยออกดอกเบ่งบานไม่พร้อมกัน แต่จะมีทยอยบานให้นักท่องเที่ยวได้ชม ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ต่อเนื่อง ไปจนถึง เดือนมกราคม ปีหน้า ……. โดยเฉพาะที่ ทุ่งทานตะวัน บ้านกล้วย & ไข่ Cafe แห่งนี้ เนื่องจากมีการ แบ่งสลับพื้นที่การปลูกเป็นอย่างดี

ขณะที่นายศรีศักดิ์ ไลละวิทย์มงคล เกษตรกรต้นแบบผู้มากประสบการณ์ ในด้านการบริหารจัดการเกษตรเชิงท่องเที่ยว ที่เคยปลูกกล้วย และเลี้ยงไก่ไข่ มากว่า 6 ปี จนปรับรูปแบบเป็นกิจการด้านคาเฟ่ ขายเครื่องดื่ม อาหารตามสั่ง และนำผลผลิตของตนเองมาจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยว… ชื่อ…บ้านกล้วย & ไข่ Cafe กล่าวว่า…..สำหรับการปลูกทานตะวันในปีนี้ ได้มีการวางแผนไว้แล้วล่วงหน้า เพื่อกำหนดเป็นฤดูการท่องเที่ยวทุ่งทานตะวัน ในช่วงเดือน พฤศจิกายน ต่อเนื่องไปจนถึง เดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า โดยมีการสลับแปลงทยอยปลูก เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมตลอดฤดูกาล พร้อมกับ จัดกิจกรรม ในโซน Mini Zoo ไว้คอยต้อนรับเด็กๆ และครอบครัวด้วย


กฤษณ์ สนใจ ลพบุรี 0890899090

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ พระราชกรณียกิจในพื้นที่ จ.เชียงใหม่

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนิน ถึงยังท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, แม่ทัพภาคที่ 3, อธิบดีผู้พิพากษาภาค 5, ผู้บังคับ ผู้กองบิน 41, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมข้าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จอย่างสมพระเกียรติ

จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทรงเป็นองค์ประธานเปิดการประชุมวิชาการและนิทรรศการ ครั้งที่ 12 “ทรัพยากรไทย : หวนดูทรัพย์สิ่งสินตน”


กองกำลังผาเมือง ปะทะกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสwติด ยึดยาu้า จำนวน 600,000 เม็ด ในพื้นที่ อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

กองกำลังผาเมือง ปะทะกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสwติด ยึดยาu้า จำนวน 600,000 เม็ด ในพื้นที่ อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 เวลา 05.00 นาฬิกา กองร้อยทหารม้าที่ 1 และกองร้อยทหารม้าที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก จัดกำลังพล จำนวน 4 ชุดทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิด ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสwติด พ.ศ. 2564 บริเวณ ช่องทาง บ้านปูนะ หมู่ที่ 4 ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ผลการปะทะ ฝ่ายเราปลอดภัย ต่อมาเมื่อเวลา 0630 นาฬิกา หน่วยได้จัดกำลังพลทำการ ลาดตระเวนพิสูจน์ทราบ บริเวณพื้นที่เกิดเหตุ

ผลการปฏิบัติ ตรวจพบกระสอบดัดแปลงเป็นเป้สะพายหลัง จำนวน 3 กระสอบ ภายในบรรจุยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) กระสอบละ 200,000 เม็ด รวมประมาณ 600,000 เม็ด ไม่พบกลุ่มขบวนการฯ บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

และเมื่อเวลา 14.30 นาฬิกา พลตรี สาธิต ไวยนนท์ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง/ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาlสwติดกองกำลังผาเมือง มอบหมายให้ พันเอก สุพรรณ ร้อยพุทธ ผู้บังคับทัพเจ้าตาก เป็นผู้แทน ผบ.กกล.ผาเมือง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบการตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าว พร้อมทั้งชี้แจงให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน บริเวณพื้นที่เกิดเหตุ ปัจจุบันหน่วยได้นำของกลางส่ง สถานีตำรวจภูธรแม่ฟ้าหลวง เพื่อดำเนิการตามกฎหมายต่อไป

สรุปผลการสกัดกั้นยาlสwติด ในห้วงตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 ถึงปัจจุบัน หน่วยสามารถสกัดกั้นยาเสพติดได้ 54 ครั้ง จับกุมผู้ต้องหาได้ 63 คน ตรวจยึดยาบ้าได้ 29,123,292 เม็ด, เฮโรอีน 1.2 กิโลกรัม, ไอซ์ 545 กิโลกรัม และ ฝิ่น 1.54 กิโลกรัม การปะทะกับกลุ่มขบวนการ จำนวน 7 ครั้ง กลุ่มขบวนการฯ เสียชีวิต 8 ราย ซึ่งหากยาlสwติดที่ตรวจยึดได้ดังกล่าว ถูกลำเลียงเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานคร จะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจจากมูลค่าของยาlสwติดที่จำหน่ายถึง 4,914.7 ล้านบาท (4,914,779,780 บาท)

#ทหารมีไว้เพื่อปกป้องอธิปไตย #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #กองกำลังผาเมือง #กองทัพภาคที่3 #กองทัพบก


นที มีเดช รายงาน

จับแก๊ง ป้าๆ สาวสองมั่วสุมเสพยาบ้า อ้างแก้เพลียก่อนทำงานประจำวัน

นครพนม – จับแก๊ง ป้า ๆ สาวประเภท 2 มั่วสุมเสพยาบ้า อ้างแก้เพลียก่อนทำงานประจำวัน

เมื่อ 6 พฤศจิกายน 2568 เวลา 14.00 น. พ.ต.ต.ศักดิ์ดา ต้นจันทน์ สวป.สภ.เมืองนครพนม ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ว่ามีการจำหน่ายยาบ้าภายในบ้าน สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านใกล้เคียง เนื่องจากวัยรุ่นวิ่งเข้าออกเป็นประจำ จึงได้จัดกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ บ้านหลังดังกล่าว ที่ริมถนน 212 (ชยางกูร) แต่ไม่พบเป้าหมายจึงวางกำลังดักซุ่มอยู่รอบๆ บ้าน กระทั่งเวลาประมาณห้าโมงเย็น ป้าแอ๊วได้ขับรถจักรยานยนต์คู่ใจกลับเข้าบ้าน เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวขอตรวจค้นกระเป๋าสะพายข้างที่ป้าแอ๊วสะพายอยู่ ตรวจพบยาบ้า จำนวน 15 เม็ด จึงควบคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม

จากการสอบถามป้าแอ๊วเล่าว่า ตนเสพยาบ้ามาตั้งแต่อายุ 35 ปี ตอนนั้นยังอาศัยอยู่กับสามี ต่อมาถูกจับกุมติดคุกอยู่ 3 ปี สามีก็ทิ้งไป อ้างว่ามีความเครียดที่ต้องหาเลี้ยงลูกชายคนเล็กเพียงลำพัง จึงหันไปเสพยาบ้าอีก โดยซื้อมา 10 เม็ดในราคา 400 บาท แยกขายย่อยให้คนอื่นในราคาเม็ดละ 50 บาท ได้กำไรเม็ดละ 10 บาท ลูกค้าก็มีหลายกลุ่ม วันเกิดเหตุยอมรับว่าตอนเช้ามีผู้เสพมาขอซื้อยาบ้าจากตนไป 2 เม็ด จริง พอตอนบ่ายก็มีลูกค้าเป็นกลุ่มกะเทยโทรสั่งยาบ้าอีก 10 เม็ด จึงขับรถจักรยานยนต์ไปส่งที่บ้านที่อยู่ในซอยพิทักษ์พนมนคร เขตเทศบาลเมืองนครพนม และได้มั่วสุมเสพยาบ้ากัน ก่อนจะขับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดักซุ่มจับกุมดังกล่าว

พ.ต.ต.ศักดา ต้นจันทร์ สวป.สภ.เมืองนครพนม จึงขยายผลให้ป้าแอ๊วเอเย่นต์ยาบ้ารายย่อยพาไปยังบ้านที่กล่าวอ้าง พบชาย จำนวน 3 คน อยู่ในห้องเช่า ซึ่งมีลักษณะเป็นห้องแถวติดกัน พบกลุ่มมั่วสุมเป็นสาวประเภทสอง พบหนึ่งในสามคน เป็นเจ้าของบ้าน ในมือยังกำถุงบรรจุยาบ้าจำนวน 8 เม็ด ส่วนอีกสองคนยังอยู่ในอาการตกใจ หลังจากการตรวจค้น ตำรวจได้นำตัวทั้งหมดไปตรวจหาสารเสพติดพบว่ามีฉี่สีม่วง

จากคำบอกเล่า ผู้เป็นเจ้าของบ้านเล่าว่า มีอาชีพรับจ้างทำพานบายศรี ตามออเดอร์ที่ลูกค้าต้องการ จึงเจอเพื่อนกะเทยที่มีรสนิยมเดียวกัน ตนจึงแบ่งห้องให้เช่าอยู่กันรวม 3 คน เวลามีออเดอร์เข้ามาเยอะก็เหนื่อยล้า แต่กลัวทำให้ลูกค้าไม่ทัน จึงสั่งซื้อยาบ้าจากป้าแอ๊วมาครั้งละ 10 เม็ด แบ่งกันเสพ โดยอ้างว่าเพื่อเพิ่มพลัง ทำให้ทำงานไม่เหน็ดเหนื่อย สามารถทำพานบายศรีส่งลูกค้าได้ตามเวลา แต่ถ้าไม่มีงานก็จะมั่วสุมกันเสพยากัน จนสภาพบ้านรกรุกรังประหนึ่งไม่มีคนอยู่

โดยอีกคนอดีตเป็นช่างเสริมสวย ภายหลังเจอเพื่อนกะเทยชักชวนมาทำพานบายศรีก็เลยเลิกอาชีพทำเสริมสวย อยู่ด้วยกัน 3 คน ว่างงานก็เสพยาบ้า กระทั่งป้าแอ๊วโดนจับและขยายผลการจับกุม นำพาตำรวจมาจับ ยกแก๊ง จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี ต่อไป


เทพข่าวร้อน & เพลิงพระกาฬ สำนักข่าวความมั่นคงจังหวัดนครพนม รายงาน

แม่ทัพภาคที่ 2 เยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประสานความร่วมมือกับกองทัพเพื่อสร้างความมั่นคง และการรักษาความสงบเรียบร้อยตาม แนวชายแดนไทย – ลาว

แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 เยือน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประสานความร่วมมือกับกองทัพประชาชนลาว เพื่อสร้างความมั่นคง และการรักษาความสงบเรียบร้อยตาม แนวชายแดนไทย – ลาว

พลโท วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พลตรี มงคล หอทอง ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี/หัวหน้าชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย – ลาว และ หน่วยความมั่นคง (ฝ่ายไทย) เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชา ธิปไตยประชาชนลาว ณ กระทรวงป้องกันประเทศ นครหลวงเวียงจันทน์

โดยได้เข้าเยี่ยมคำนับ/พบปะพัฒนาสัมพันธ์ (แบบเป็นทางการ) กับพลตรี วันทอง บุดตะวง รองหัวหน้ากรมใหญ่เสนาธิการ กองทัพประชาชนลาว, หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และได้ถือโอกาสหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารการแก้ไขปัญหาความมั่นคงชายแดน, ปัญหาภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะปัญหาด้านยาเสพติด, การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย, สินค้าหนีภาษี และการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ ตามแนวชายแดน รวมถึงมิจฉาชีพหรือสแกมเมอร์ (Scammer) เพื่อความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยของทั้งสองประเทศ

โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะสานต่อการส่งเสริมความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาชายแดน และขยายความร่วมมือในทุกมิติ โดยจะมีการแลกเปลี่ยนการเยือน การหารืออย่างสม่ำเสมอ ยกระดับความร่วมมือในประเด็นสำคัญ เพื่อนำไปสู่มิตรภาพอันดี และการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศให้ มั่นคง ยั่งยืน สืบไป


ภาพ/ข่าว : วัชรา ยืนทน

ชาวบ้านกังวล !! น้ำเจ้าพระยาหนุนสูง เอ่อท่วมถนนสายท่องเที่ยว เชื่อมจุดสำคัญเมืองอุทัยธานี รถเล็กสัญจรไม่ได้ หวั่นซ้ำเติมน้ำล้นตลิ่งในเขตชุมชนเมือง

อุทัยธานี – ชาวบ้านกังวล!! น้ำเจ้าพระยาหนุนสูง เอ่อท่วมถนนสายท่องเที่ยว เชื่อมจุดสำคัญเมืองอุทัยธานี รถเล็กสัญจรไม่ได้ หวั่นซ้ำเติมน้ำล้นตลิ่งในเขตชุมชนเมือง

วันที่ 07 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา เอ่อท่วมไหลข้ามถนนสายหลักในพื้นที่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี เป็นระยะทางยาว บริเวณ หมู่ที่ 6 ต.เกาะเทโพ อ.เมือง จ.อุทัยธานี ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 30–50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ส่งผลให้ การสัญจรเข้า-ออกสถานที่ท่องเที่ยวเริ่มติดขัด รถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ขณะที่ประชาชนริมแม่น้ำต้องเร่งขนย้ายสิ่งของจำเป็น เครื่องจักรกลทางการเกษตร รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ขึ้นที่สูง

หลังระดับน้ำเข้าท่วมบ้านเรือนเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านเป็นกังวล ห่วงบ้าน ต้องหวนเข้ามาเก็บของที่จำเป็น ยานพาหนะจอดไว้ริมถนนแล้วใช้เรือพายเข้าออกบ้าน

ถนนสายสำคัญที่ได้รับผลกระทบเชื่อมจากถนนสายหาดทนง–อุทัยธานี ต่อจากถนน 333 เข้าตัวเมือง และเป็นเส้นทางสู่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง เช่น วัดจันทราราม (วัดหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) และวัดอุโปสถาราม โบราณสถานขณะเดียวกัน มวลน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมอย่างรวดเร็ว ซึ่งทางจังหวัด แจ้งเตือนให้ประชาชนเตรียมรับมือน้ำท่วมและยกสิ่งของไว้ขึ้นที่สูง


ภาวิณี ศรีอนันต์ รายงาน