ข่าวใหม่อัพเดท » นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการ สคบ. ลงพื้นที่บุกจับร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ยึดของกลางมูลค่า 1 ล้านบาท

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการ สคบ. ลงพื้นที่บุกจับร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ยึดของกลางมูลค่า 1 ล้านบาท

21 เมษายน 2020
0

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการ สคบ. ลงพื้นที่บุกจับร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ยึดของกลางมูลค่า 1 ล้านบาท วอนประชาชนหยุดสูบบุหรี่ไฟฟ้า หวั่นเสี่ยงต่อการลดภูมิคุ้มกันและอาจติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ง่าย

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายณัฏฐชัย ศรีรุ่งสุขพินิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมแถลงข่าว กรณีที่ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ลงพื้นที่ตรวจสอบการขายบุหรี่ไฟฟ้าที่ตลาดคลองถม ถนนวรจักร แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา พบร้านค้าที่ขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 10 ร้าน จึงร่วมกันตรวจยึดของกลางทั้งหมด ประกอบด้วยบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 48 ตัว น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 1,703 ขวด คอยล์และอะตอม จำนวน 1,338 ชิ้น อุปกรณ์อื่นที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 493 ชิ้น รวมมูลค่าของกลางประมาณ 1 ล้านบาท จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหา จำนวน 5 คน พร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 ลงวันที่ 28 มกราคม 2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือ บุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า” อันเป็นความผิดฐานผ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่วว่า ตามโนบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ให้ทุกภาคส่วนร่วมกันปฏิบัติหน้าที่เพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และให้ส่วนราชการบูรณาการความร่วมมือเพื่อหามาตรการรองรับสถานการณ์และลด การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ในส่วนของ สคบ. ซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับดูแลของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาการกระทำความผิดเกี่ยวกับหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ รวมถึงสินค้าอันตรายอื่น ๆ ที่อาจเป็นตัวแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนาหรือโควิด 19 ซึ่งรวมถึงการสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่อาจมีผลทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ง่าย

จากข้อมูลของ ศ.นพ.รณชัย คงสกนธ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) การระบุถึงความเสี่ยงของการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะมีผลต่อการลดภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และอาจเป็นตัวกลางในการแพร่กระจายเชื้อได้ง่าย เพราะในไอของบุหรี่ไฟฟ้ามีสารโลหะหนัก เช่น นิเกิล โครเมียม ที่มีพิษต่อปอด แคดเมียมที่มีพิษต่อไต และสารก่อมะเร็ง เช่น เบนซีน อะเซตตัลดีไฮด์ และบุหรี่ไฟฟ้ายังมีการปลดปล่อยอนุภาคขนาดเล็ก PM 2.5 ที่แทรกซึมเข้าร่างกาย เป็นการสะสมพิษไปก่ออันตรายในอวัยวะต่าง ๆ ได้ทั่วร่างกาย รวมถึงไอของบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าพ่นไอออกมาจะเทียบได้กับการถ่มน้ำลายใส่หน้ากัน เพราะตัวไอของบุหรี่ไฟฟ้า ประกอบด้วยละอองจากระบบทางเดินหายใจ น้ำลาย เสมหะ และแบคทีเรีย เมื่อถูกพ่นออกมาจะลอยเป็นระยะทางไกลและแขวนอยู่ ในอากาศในระดับความสูงเท่าศีรษะ ดังนั้นหากใครมีเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เมื่อสูบบุหรี่ไฟฟ้า พวกเขาจะสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้คนจำนวนมากได้

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังฝากความห่วงใยไปถึงพี่น้องประชาชน ขณะนี้สถานการณ์การควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประเทศเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ จึงขอให้ประชาชนทุกคนปฏิบัติตนด้วยความไม่ประมาทด้วยการกินร้อน ช้อนตัวเอง ยืนไกล ไอจามใส่ทิชชู่ หรือใส่แขนแทนมือ และล้างมือด้วยสบู่อยู่เสมอ ๆ และต้องหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเนื่องจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าทำให้ปอดสัมผัสกับสารเคมีต่าง ๆ ปอดจึงอ่อนแอ ส่งผลให้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้ง่ายขึ้นด้วย ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการขายบุหรี่ไฟฟ้าสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน สคบ. 1166



ขอบคุณข้อมูล : กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

error: Content is protected !!