ข่าวใหม่อัพเดท » นายกรัฐมนตรี ห่วงประชาชนใช้น้ำช่วงหน้าแล้ง กำชับหน่วยงานราชการ เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน ให้มีน้ำใช้เพียงพออย่างต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรี ห่วงประชาชนใช้น้ำช่วงหน้าแล้ง กำชับหน่วยงานราชการ เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน ให้มีน้ำใช้เพียงพออย่างต่อเนื่อง

10 เมษายน 2020
0

นายกรัฐมนตรีห่วงประชาชนใช้น้ำช่วงหน้าแล้ง กำชับหน่วยงานราชการเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนให้มีน้ำใช้เพียงพออย่างต่อเนื่อง

ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งอย่างต่อเนื่องจากกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ หรือ กอนช. ซึ่งมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งหน่วยงานภายใต้ กอนช.ได้เตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์น้ำหลากในฤดูฝน ปี 2563 แล้ว โดยกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ได้ตรวจสอบความพร้อมของอาคารชลศาสตร์ ระบบระบายน้ำ และสถานีโทรมาตร นอกจากนี้ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท การรถไฟแห่งประเทศไทยและกรมชลประทานเร่งดำเนินการตรวจสอบสิ่งกีดขวางทางน้ำและดำเนินการจัดการทำแผนงานปรับปรุงซ่อมแซมสิ่งกีดขวางทางน้ำ และดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมให้แล้วเสร็จทันฤดูฝนนี้ โดย GISTDA ตรวจสอบปริมาณวัชพืชผักตบชวาด้วยดาวเทียม และกรมโยธาธิการและผังเมืองจัดทำแผนงานและมอบหน่วยงานดำเนินการในทางน้ำที่รับผิดชอบให้เสร็จทันฤดูฝน

สำหรับการให้ความช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้ง 24 จังหวัด การประปานครหลวง และกรมชลประทานได้แจกจ่ายน้ำอุปโภค-บริโภคให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง กรมทรัพยากรน้ำบาดาลขุดเจาะบ่อบาดาล รวมสะสม 1,252 บ่อ การประปาส่วนภูมิภาค ดำเนินการแจกจ่ายน้ำสะอาดแล้ว จำนวน 54.15 ล้านลิตร กรมทรัพยากรน้ำ สนับสนุนน้ำสะอาด 10.33 ล้านลิตร กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่รับน้ำ 7 อ่างเก็บน้ำในเขต จ.จันทบุรี จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี เพิ่มน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำภาคตะวันออก

นายกรัฐมนตรีห่วงใยความเพียงพอของปริมาณน้ำ โดยเฉพาะเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้แก่ จ.ฉะเชิงเทรา จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี ซึ่งมีการใช้น้ำหลายภาคส่วนทั้งอุปโภค-บริโภค เกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และการท่องเที่ยว สั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ กำหนดมาตรการให้มีน้ำเพียงพอใช้อย่างต่อเนื่อง ร่วมกับกรมชลประทาน และมอบหมายให้ทุกภาคส่วนช่วยกันแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำระยะเร่งด่วน ได้แก่ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) และบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ ‘East Water’ สนับสนุนน้ำเข้ามาเสริมในระบบกว่า 20 ล้าน ลบ.ม. อีกทั้งสถาบันน้ำและพลังงานเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ขอความร่วมมือจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ให้ภาคเอกชนร่วมกันลดการใช้น้ำลง 10% ตามแผนบริหารจัดการน้ำที่วางไว้เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2563

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเต็มที่ตามแผนที่วางไว้ให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อคลี่คลายปัญหาและขอความร่วมมือเกษตรกรให้เพาะปลูกหรืองดเว้นตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ สำหรับประชาชนทั่วไปร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด


ขอบคุณข้อมูล : กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

error: Content is protected !!