ข่าวใหม่อัพเดท » เหลืออีก 3 วันหมดอายุความ ซ้อนแผนรวบอดีตนายอำเภอเมืองสรวง ผิด ม.157 อำนวยความสะดวกแก๊งไม้พะยูงข้ามชาติ

เหลืออีก 3 วันหมดอายุความ ซ้อนแผนรวบอดีตนายอำเภอเมืองสรวง ผิด ม.157 อำนวยความสะดวกแก๊งไม้พะยูงข้ามชาติ

30 พฤศจิกายน 2025
0

นครพนม – เหลืออีก 3 วันหมดอายุความ ซ้อนแผนรวบอดีตนายอำเภอเมืองสรวง ผิด ม.157 อำนวยความสะดวกแก๊งไม้พะยูงข้ามชาติ

กรณี เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 เวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม (ตม.นครพนม) ว่า ได้ควบคุมตัวชายไทยถือหนังสือเดินทางไทยเลขที่ AC5878301 ชื่อนายสมยศ รักษกุลวิทยา อายุ 69 ปี อดีตนายอำเภอเมืองสรวง จ.ร้อยเอ็ด โดยมีหมายจับจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 (ขอนแก่น) ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2553 และจะครบ 15 ปีในวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ที่จะถึงนี้ แต่หมายจับออกเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568

พ.ต.อ.ภัทรพงศ์ อินวรรณา ผกก.ตม.นครพนม จึงประสานนายศรัทธา กอบกุลบุญสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดขอน แก่น (ผอ.ป.ป.ช.ขอนแก่น) นายจรงค์ เกราะเหมาะ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ นายธันยพัฒน์ ประมวลวิทย์ ผอ.ป.ป.ช.นครพนม นายไพโรจน์ นิยมเดชา ผอ.กลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว สั่งการให้ ร.ต.อ.วิชาญ สีสมบัติ ร.ต.อ.อดิเรก ศรีหาคลัง ร.ต.อ.จักรกฤษณ์ สุนทโรจน์ ร.ต.ต.หญิง ภัทรชนก ศรีลาพัฒน์ รอง สว.ตม.นครพนม และ ร.ต.อ.สุทธิชัย รพัสันติ นักสืบสวนคดีทุจริตชำนาญการ ร่วมสอบสวนผู้ต้องหา

ขณะเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. อ่านหมายจับให้นายสมยศทราบอยู่นั้น ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินทางมากับรถตู้โดยสารไม่ประจำทาง ทราบว่าเป็นอดีตครูโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม อ้างว่าเป็นญาติกับนายสมยศจะมารับที่หน้าด่าน ตม.นครพนม จึงขอตรวจสอบประวัติ พบว่าเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ผู้หญิงคนนี้เดินทางข้ามไปฝั่งลาวพร้อมกับนายสมยศผู้ต้องหา ซึ่งในขณะนั้นนายสมยศยังไม่มีหมายจับ จึงสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ และในเย็นวันเดียวกันผู้หญิงดังกล่าวเดินทางกลับไทยเพียงคนเดียว ทั้งนี้ นายสมยศได้ยอมรับในข้อหากล่าวหาที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ออกหมายจับลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568

มูลเหตุของคดีสืบเนื่องจาก วันที่ 26 พฤศจิกายน 2553 ขณะที่นายสมยศดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอเมืองสรวง จ.ร้อยเอ็ด ได้มอบหมายให้ปลัดอำเภอเมืองสรวงรวม 2 คน รับรองไม้พะยูงของนางสาวธนภร ซึ่งเป็นผู้ยื่นหนังสือคำร้องขอให้รับรอง โดยไม้ที่อยู่ในหลักเกณฑ์การออกหนังสือรับรองให้ได้ ต้องเป็นไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายที่ดิน และมีวัตถุประสงค์ในการเคลื่อนย้ายไปใช้ประโยชน์ตามที่กำหนด โดยให้คณะกรรมการจัดทำบัญชีไม้และประประทับตราของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไว้ที่ไม้ซึ่งจะออกหนังสือรับรอง โดยให้มีเลขเรียงประจำท่อนและปีย่อ พ.ศ.ไว้ จากนั้นให้คณะกรรมการรายงานผลการตรวจสอบ และเสนอความเห็นต่อผู้มีอำนาจลงนามออกหนังสือรับรอง และเมื่อมีการออกหนังสือรับรองแล้วให้อำเภอรายงานให้จังหวัดทราบ

ทั้งนี้ การตรวจสอบและพิจารณาอนุญาตให้เคลื่อนย้ายไม้พะยูงดังกล่าว นายสมยศไม่ได้แต่งตั้งคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วย ปลัดอำเภอ ป่าไม้อำเภอ และพนักงานที่ดินอำเภอ เพื่อร่วมดำเนินการตรวจสอบ และไม่ได้มีการนำเอกสารสิทธิไปทำการตรวจสอบความถูกต้อง รวมทั้งไม่จัดทำบัญชีไม้และประทับตราของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไว้ที่ไม้ที่ทำการตรวจจสอบ ทั้ืงไม่ให้ผู้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดิน ลงนามรับรองในบันทึกการตรวจสอบ และเมื่อกรณีดังกล่าวเป็นการขออนุญาตเคลื่อนย้ายไม้ไปใช้ประโยชน์นอกเขตจังหวัด ซึ่งอำนาจในการพิจารณาอนุญาตต้องเป็นของผู้ว่าราชการจังหวัด ปรากฏว่านายสมยศนอกจากไม่นำเสนอผู้ว่าฯแล้ว ยังกลับพิจารณาอนุญาตด้วยตนเอง ทั้งการพิจารณาอนุญาตยังเป็นการอนุญาตให้แก่ผู้ยื่นคำร้อง ซึ่งไม่ใช่ผู้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดิน และมีวัตถุ ประสงค์ในการเคลื่อนย้ายไม้พะยูงไปใช้เพื่อการค้า

ดังนั้น การกระทำของนายสมยศ เป็นการดำเนินการที่ขัดต่อหนังสือกระทรวงมหาดไทยที่มท.0389/ว.750 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 22520 หนังสือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด่วนมาก ที่ กษ 0404(3)/429444 ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2530 และหนังสือกระทรวงมหาดไทย ด่วนมาก ที่ มท.0404/ว.1212.ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2530 และเป็นผลให้ไม้พะยูงที่ทำการเคลื่อนย้ายถูกคณะเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบและจับกุมหลายครั้ง การกระทำของนายสมยศ รักษกุลกุลวิทยา จึงถือเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

พ.ต.ท.เกียรติคุณ ดวงแก้ว สว.ตม.จว.นครพนม เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้ ทาง ป.ป.ช.ฯประสานมาว่านายสมยศเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้เดินทางออกไป สปป.ลาว โดยผ่านด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) สืบสวนพบว่าหนีไปกบดานอยู่กับคนรู้จักที่นั่น จึงประสาน ตม.ลาวรวมทั้งญาติของนายสมยศกผเกลี้ยกล่อมให้กลับมามอบตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มีไม้พะยูงจำนวน 49 ต้น ที่หลังจากนายสมยศลงนามพิจารณาด้วยตนเองทั้งที่ไม่มีอำนาจ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 ต่อมาได้เคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ เข้าสู่ จ.นครพนม โดยนำไปพักไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง ชุมชนบ้านท่าควาย ถนนนครพนม-ท่าอุ เทน เขตเทศบาลเมืองนครพนม ก่อนจะลำเลียงส่งข้ามลำน้ำโขงบริเวณช่องทางธรรมชาติ และถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงตรวจยึด จับกุม เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2553 ตรวจสอบเชิงลึกพบว่านอกจากไม้พะยูง 49 ต้น ที่ออกจาก อ.เมืองสรวง จ.ร้อยเอ็ด ที่มีลายมือชื่อนายสมยศเป็นผู้ลงนาม ยังมีการตรวจยึดไม้พะยูงอีกหลายครั้ง สืบสวนสอบสวนทำให้ทราบว่า เป็นไม้ที่มีการซื้อขายมาหลายทอด แต่นำมาสวมสิทธิ์อ้างเป็นไม้อยู่ในการครอบครองกรรมสิทธิ์ โดยมีข้าราชการระดับนายอำเภอให้ความร่วมมือ อำนวยความสะดวกการออกหนังสือรับรองทุกอย่าง

หลังเกษียณนายสมยศก็ดำเนินชีวิตตามปกติ กระทั่งปี 2568 ทราบว่าจะมีการออกหมายจับ นายสมยศจึงหลบหนีไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยเดินทางด้วยรถตู้ที่เป็นของสามีอดีตครูโรงเรียนประถม พาออกจากประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 68 และเหลืออีก 3 วันก็จะครบอายุความ 15 ปี จึงโดนซ้อนแผนให้กลับเข้ามาในวันที่ 27 พฤศจิกายน 68


เทพข่าวร้อน เพลิงพระกาฬ สำนักข่าวความมั่นคง จังหวัดนครพนม รายงาน

error: Content is protected !!