
ตำรวจภูธรภาค 5 โชว์ผลงานบุกค้นรังจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ เครือข่าย “VAPEHAUS” 3 จุด กลางเมืองเชียงใหม่ รวบ 2 ผู้ต้องหา พร้อมของกลาง 36,555 ชิ้น มูลค่ากว่า 6.6 ล้านบาท
วันนี้ (28 ต.ค. 2568) เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ตำรวจภูธรภาค 5 อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบ.ตร. เป็นประธาน แถลงข่าวผลการปฏิบัติการบุกค้นรังจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ เครือข่าย “VAPEHAUS” 3 จุด กลางเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ที่นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้สั่งการให้ยกระดับเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นวาระแห่งชาติ และให้ดำเนินการปราบปรามอย่างเข้มข้นในทุกมิติทันที
โดยการปฏิบัติกการครั้งนี้ สืบเนื่องจากทางศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสาร สนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 (ศปอส.ภ.5) ร่วมกับ บก.สส.ภ.5 ทำการสืบสวนจนทราบว่า มีกลุ่มบุคคลที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านเว็บไซต์ ชื่อ “vapehaus URL: https://vapehaus.net” โดยมีรูปแบบสั่งซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์เท่านั้น จึงได้ทำการสืบสวนเพิ่มเติมจนทราบว่า กลุ่มลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าว มีที่ตั้งของการกระทำ ความผิดจำนวน 3 จุด ประกอบด้วย ในพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ 1 จุด และพื้นที่ อ.หางดง จำนวน 2 จุด จึงได้เปิดปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมพร้อมกันทั้ง 3 จุด คือ
- จุดที่ 1 บริเวณหมู่บ้านกุลพันธ์วิลล์ 3 ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ พบของกลางบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 546 ชิ้น
- จุดที่ 2 บริเวณหมู่บ้านกาญจน์กนกวิลล์ 10 ต.สันผักหวาน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ พบของกลางบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 3,828 ชิ้น และ
- จุดที่ 3 บริเวณหมู่บ้านสมหวัง ต.สันผักหวาน อ.หางดง จ.เชียงใหม่
พบของกลางบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 33,181 ชิ้น รวมพบบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 36,555 ชิ้น มูลค่าประมาณ 6,699,000 บาท นอกจากนี้ ยังได้จับกุมผู้ต้องหาอีก 2 ราย ซึ่งจากการสวบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายทำหน้าที่เป็นพนักงานบรรจุบุหรี่ไฟฟ้าและจัดส่งสินค้าทางไปรษณีย์ให้ลูกค้า โดยได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการติดต่อสั่งซื้อสินค้าทางไลน์อีก 3 กลุ่ม มีสมาชิกรวมมากกว่า 18,000 คน และจากการตรวจสอบระบบการซื้อขายพบว่า มีเงินหมุนเวียนประมาณปีละ 30 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลสอบสวนเส้นทางทางการเงิน รวมถึงที่มาของบุหรี่ไฟฟ้า ผู้รับผลประโยชน์ และนายทุนที่อยู่เบื้องหลังการกระทำความผิดต่อไป
นที มีเดช รายงาน




