ข่าวใหม่อัพเดท » นายกรัฐมนตรี – เปิดโรงอบเมล็ดพันธุ์ข้าวและทดสอบระบบการคัดคุณภาพข้าว พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน

นายกรัฐมนตรี – เปิดโรงอบเมล็ดพันธุ์ข้าวและทดสอบระบบการคัดคุณภาพข้าว พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน

8 พฤศจิกายน 2019
0

นายกรัฐมนตรีเปิดโรงอบเมล็ดพันธุ์ข้าวและทดสอบระบบการคัดคุณภาพข้าว กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันแก่กลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรครบวงจร

          ณ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง ตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดโรงอบเมล็ดพันธุ์ข้าวและทดสอบระบบการคัดคุณภาพข้าว กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง จากการสนับสนุนงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ 2561 ของรัฐบาล เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต การแปรรูปผลผลิตข้าวหอมมะลิ ให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน และเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรแบบครบวงจร

          โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวกับเกษตรกรที่มาร่วมงาน เกี่ยวกับการประชุมสุดยอดอาเซียน และการประชุมการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership – RCEP) ว่า ไทยสามารถผลักดันความร่วมมือ ใน 15 ประเทศ ถือเป็นการเริ่มกติการ่วมกัน โดยคาดว่าจะมีการลงนามในปีหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ภาคเกษตรในประเทศไทยดีขึ้น เช่นเดียวกับการหารือกับ IMF ได้รับคำชื่นชมว่า ที่ผ่านมาหลายอย่างดีขึ้น ไทยถือเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในอาเซียน รวมทั้งยังได้หารืออย่างเป็นทางการกับนายกรัฐมนตรีจีน เกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาความยากจน โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ไปศึกษาดูงานและเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หลายอย่างจึงต้องมีการปรับโครงสร้าง

          นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า รัฐบาลมีแนวทางในการปรับปรุงภาคเกษตรทั้งเกษตรแปลงใหญ่ พัฒนาพื้นที่ ส.ป.ก. รวมทั้งเดินหน้าปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมสู่ยุค 4.0 เพื่อหารายได้ใหม่ให้กับประเทศ นอกเหนือจากภาคการเกษตรและส่งเสริมการลงทุนแบบ PPP ขอยืนยันตรงนี้ว่า การพัฒนาใดๆ ไม่ว่าในพื้นที่ EEC ไม่มีการเอื้อการลงทุนให้กับใครทั้งนั้น แต่มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคการลงทุน  ขอให้แยกแยะการเมืองออกจากกัน  ส.ว. และส.ส. ทุกคนจะต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนประเทศ เพื่อร่วมกันทำงานให้คนทั้งประเทศ

          นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งมีรายได้เป็นอันดับที่ 14 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและอันดับ 68 ของประเทศว่า อยากให้หันมาเพิ่มมูลค่าสินค้า โดยมีเป้าหมายการพัฒนาเกษตรอินทรีย์และการพัฒนาวิสาหกิจชุมชน เกษตรกรอาจนำวัชพืชที่เหลือจากกการเกษตร มาแปรรูปเพิ่มมูลค่า ลดการเผาทำลาย ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ P.M.2.5  อยากเชิญชวนให้ทุกคน ลด ละเลิกการใช้ถุงพลาสติก ช่วยกันกำจัดขยะทะเล  นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนภาคเกษตร ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ในการ ค้นคว้าหาข้อมูล ขอให้นำสิ่งที่พูดในวันนี้ไปสื่อสารกับประชาชนให้เกิดความเข้าใจ  ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล อย่าสร้างความขัดแย้ง ลดความรุนแรงในครอบครัว ไม่บั่นทอนสถาบันครอบครัว จนมาสู่การทำลายชื่อเสียงของประเทศ พร้อมฝากถึงนักเรียนที่อยู่ทั้งในระบบและนอกระบบ จบมาแล้วต้องมีงานทำ ซึ่งได้สั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการไปปรับปรุงหลักสูตรโดยเน้นตอบโจทก์ตลาดแรงงานปัจจุบันและอนาคตให้มากขึ้น

          ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสงที่สามารถรวมตัวกันพัฒนาสินค้าเกษตรอินทรีย์ด้วยการบริหารจัดการแบบบูรณาการทุกภาคส่วน โดยสามารถผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ให้เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ คือข้าวทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นสินค้า GI ที่สามารถปลูกได้เฉพาะพื้นที่เท่านั้น  เป็นผลให้สินค้าของพื้นที่นี้ ผ่านการรับรองมาตรฐานสากลจากหลากหลายสถาบัน เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการขยายตลาดจากภายในประเทศไปสู่ตลาดต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ขอให้ความร่วมมือของกลุ่มฯ นำไปสู่ความยั่งยืน

          จากนั้น นายกรัฐมนตรีทำพิธีเปิดป้ายโรงอบเมล็ดพันธุ์ข้าวและทดสอบระบบการคัดคุณภาพข้าว ก่อนจะเยี่ยมชมกิจกรรมและการดำเนินงานของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง ประกอบด้วย กิจกรรมการส่งเสริมการเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิทรรศการ Fair Trade ของผู้ค้าที่ไม่หวังผลกำไรตอบแทน กิจกรรมส่งเสริมการปลูกพืชทางเลือก กิจกรรมการดำเนินงานของ Young Smart Farmer และกิจกรรมเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตร

ขอบคุณเรื่องแนะนำจากกลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

error: Content is protected !!