ข่าวใหม่อัพเดท » รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเยี่ยมให้กำลังใจทหารชายแดนจังหวัดตาก พร้อมติดตามสถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน ฝุ่น PM 2.5 การปราบปรามยาเสพติดพื้นที่ชายแดนเหนือตอนบน จังหวัดเชียงใหม่

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเยี่ยมให้กำลังใจทหารชายแดนจังหวัดตาก พร้อมติดตามสถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน ฝุ่น PM 2.5 การปราบปรามยาเสพติดพื้นที่ชายแดนเหนือตอนบน จังหวัดเชียงใหม่

25 กุมภาพันธ์ 2024
0

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะขึ้นภาคเหนือ เยี่ยมให้กำลังใจทหารชายแดนจังหวัดตาก พร้อมติดตามสถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน ฝุ่น PM 2.5 การปราบปรามยาเสพติดพื้นที่ชายแดนเหนือตอนบน จังหวัดเชียงใหม่ ย้ำ….เดินหน้าดูแลคุณภาพชีวิตกำลังพลชั้นผู้น้อยให้ดี กำชับบูรณาการทุกหน่วยงานแก้ไขปัญหาไฟป่า ยาเสพติด เตรียมรับภัยแล้ง

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 พลตรี กิตติพงษ์ ชื่นใจชน รองแม่ทัพภาคที่ 3 ให้การต้อนรับ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ในโอกาสที่เดินทางมาตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการ เสกสรรค์ บ้านแม่โกนเกน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ในพื้นที่ทัพภาคที่ 3 โดยรับฟังการบรรยายสรุปจากหน่วยเฉพาะกิจราชมนู อาทิ สถานการณ์ชายแดนด้านตะวันตก (ไทย-เมียนมา) และผลกระทบจากเหตุการณ์การสู้รบในเมียนมาที่ทำให้เกิดการอพยพหรือลักลอบเข้ามาในไทยของผู้หนีภัยจากการสู้รบ ตลอดจนได้พบปะพูดคุยกับกำลังพล สอบ ถามถึงปัญหาข้อขัดข้อง ความต้องการและความเป็นอยู่ ซึ่งทุกคนมีขวัญและกำลังใจที่ดีเยี่ยม รวมถึงได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับกำลังพล

จากนั้น พลโท ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 ให้การต้อนรับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ เดินทางไปยังกองกำลังผาเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่ง กองกำลังผาเมือง มีภารกิจปฏิบัติหน้าที่ครอบคลุมพื้นที่ 24 อำเภอชายแดนของ 6 จังหวัด รับทราบสถานการณ์ชายแดนว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สำหรับการจับกุมและลักลอบลำเลียงยาเสพติดที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนั้นมีการสกัดกั้นเพื่อไม่ให้เข้าถึงพื้นที่ชั้นในด้วยปฏิบัติการที่เข้มงวดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สามารถควบคุมและลดการลักลอบค้ายาเสพติดเข้าประเทศได้จำนวนมาก ในเวลาต่อมาได้ร่วมแถลงข่าวเกี่ยวกับการจับกุมและยึดยาเสพติดที่คาดว่าราคาประมาณ 200 – 300 ล้านบาท

โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวขอบคุณผู้ปฏิบัติหน้าที่ของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำงานอย่างแข็งขันและเผชิญกับความเสี่ยงทึ่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกช่วงขณะเวลา โดยสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด จึงขอเป็นกำลังใจให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด อีกทั้งเห็นว่า ควรเสริมสร้างและเพิ่มเติมการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาร่วมทำงานอีกด้วย

ในโอกาสเดียวกันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ได้เดินทางไปยังอาคารยอดทัพ กองพลทหารราบที่ 7 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี พลโท ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการดับไฟป่าภาค 3 ให้การต้อนรับพร้อมกับ รองผู้ว่าราชการ จังหวัดเชียงใหม่ ผู้แทน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3, ผู้บังคับการกองบิน 41, ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา, กรมทหารราบที่ 7 และหน่วยงานอื่นๆ มีการหารือถึงการประสานงานและบูรณาการภารกิจร่วมกันของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งได้มาตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน

โดย รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 7 ได้นำเสนอนิทรรศการโดยบูรณาการร่วมแก้ไขปัญหาหมอกควันและ PM 2.5 ภายใต้ “โครงการเปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง สร้างรายได้ ยกระดับการแก้ไขปัญหาหมอกควัน PM 2.5” และได้สาธิตการปฏิบัติขั้นตอนการดับไฟป่า ให้กับ นาย สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับทราบด้วย

ในห้วงสุดท้ายของการหารือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า มีความยินดีที่ได้มารับทราบรายงานและติดตามการปฏิบัติงาน ได้รู้ถึงปัญหาและมาให้กำลังใจกับผู้ปฏิบัติงาน สำหรับปัญหาหมอกควันถือเป็นภัยที่ทำลายเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของภาคเหนือ และในอนาคตอาจจะเกิดปัญหาภัยแล้งติดตามมาอีก ดังนั้น จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและประชาชน โดยที่ประชุมยังได้พูดถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาอื่นๆ อีก อาทิ การจัดตั้งศูนย์รับซื้อวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 36 ศูนย์ เพื่อส่งขายให้กับโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลำปาง และโรงไฟฟ้าชีวมวลที่อยู่บริเวณใกล้เคียงที่จะไม่ทำให้ชาวเกษตรกรต้องใช้วิธีเผาพืชผลเกษตรแบบเดิมๆ และการจัดทำแผนงานนำร่อง 16 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของ จ.เชียงใหม่ ที่จะช่วยเร่งแก้ไขปัญหาที่รากเหง้าอีกด้วย

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินการต่างๆ ที่กล่าวมา ทำให้จุดความร้อน (Hot Spot) ลดลงจำนวน 12,796 จุด คิดเป็น 54.08% พื้นที่เผาไหม้ลดลง 590,662 ไร่ คิดเป็น 64.26% อย่างไรก็ตาม คงต้องดูสถานการณ์ต่อไปอีก 2 เดือนข้างหน้าเนื่องจากจะเป็นจุดพีค พร้อมฝากทุกคนขอให้ตั้งใจร่วมกันสู้ เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงอย่างแน่นอน


นที มีเดช รายงาน

error: Content is protected !!