กองทัพเรือไทย – สหรัฐฯ ปฏิบัติการกู้เรือหลวงสุโขทัยแบบจำกัด สำรวจหลักฐานใต้น้ำประกอบการสอบสวนข้อเท็จจริงหาสาเหตุเรืออับปาง
22 ก.พ.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ลงพื้นที่ตรวจติดตามปฏิบัติการกู้เรือหลวงสุโขทัยแบบจำกัด (Light Salvage) บริเวณจุดที่เรือหลวงสุโขทัยอับปางในทะเลอ่าวไทย พื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2565 ซึ่งในขณะนั้นมีกำลังพลรอดชีวิต 76 นาย เสียชีวิต 24 นาย และสูญหาย 5 นาย
โดยภารกิจในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือไทยและสหรัฐอเมริกา โดยกองทัพเรือไทยใช้เรือหลวงรัตนโกสินทร์ เรือต่อต้านทุ่นระเบิด 2 ลำ เรือตรวจการณ์ 2 ลำ เรือระบายพลขนาดกลาง 1 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด 40 นาย ส่วนกองทัพเรือสหรัฐฯ ใช้เรือ Ocean Valor พร้อมเจ้าหน้าที่จากหน่วยประดาน้ำและกู้ซ่อมเคลื่อนที่ซึ่งประจำอยู่ที่ฐานทัพเรือในรัฐฮาวาย จำนวน 17 นาย เข้าร่วมสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจ ซึ่งปฏิบัติการณ์ในครั้งนี้ไม่ใช่การกู้เรือทั้งลำขึ้นมาจากน้ำ แต่เป็นการสำรวจหลักฐานใต้น้ำทั้งภายในและภายนอกตัวเรือเพื่อนำมาประกอบการสอบสวนข้อเท็จจริงของกองทัพเรือ การค้นหาผู้สูญหายทั้ง 5 คน การทำให้ยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ และวัตถุอันตรายหมดความสามารถ รวมถึงการนำอุปกรณ์และยุทโธปกรณ์บางอย่างขึ้นมาจากน้ำ โดยวัตถุประสงค์หลักของปฏิบัติการในครั้งนี้ เพื่อยืนยันสาเหตุในการจมของเรือและวัตถุพยานในการสอบสวน หลังจากในห้วงที่ผ่านมา กองทัพเรือได้ดำเนินการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องแล้ว และจำเป็นต้องใช้วัตถุพยานเพื่อนำมาสรุปผล รวมทั้งจำเป็นต้องค้นหาผู้สูญหายที่อาจติดอยู่ภายในตัวเรือ ซึ่งในส่วนที่สหรัฐฯ เสนอความช่วยเหลือในการทำลายวัตถุอันตรายจะเป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งฝ่ายไทยและสหรัฐฯ เนื่องจากสหรัฐฯ มีประสบการณ์ และเครื่องมือพิเศษ ขณะที่เจ้าหน้าที่กองทัพเรือสหรัฐฯ ที่มาร่วมปฏิบัติภารกิจเป็นกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึกคอบร้าโกลด์ ครั้งที่ 43 ซึ่งจะมีกิจกรรมการฝึกรูปแบบต่างๆ รวมถึงการกู้เรือหลวงสุโขทัยแบบจำกัดในครั้งนี้ด้วย โดย กองทัพเรือได้กำหนดพื้นที่ห้ามเดินเรือโดยรอบบริเวณที่ปฏิบัติภารกิจเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
นอกจากนี้ ภารกิจในครั้งนี้ยังแสดงถึงมิตรภาพอันยาวนานระหว่างกองทัพเรือไทย กับกองทัพเรือสหรัฐฯ ในการมุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจร่วมกันให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ด้วยความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบันทึกภาพทั้งภายในและภายนอกของตัวเรือ เพื่อใช้ประกอบการสอบสวนที่ได้ดำเนินการไว้ก่อนหน้านี้ ให้ทราบถึงสาเหตุของการอับปาง
ด้าน พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวบนเรือหลวงอ่างทอง ภายหลังการตรวจเยี่ยมปฏิบัติการกู้เรือหลวงสุโขทัยแบบจำกัด บริเวณจุดที่เรือหลวงสุโขทัยอับปาง พื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า ขอขอบคุณกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ช่วยสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ วันนี้เป็นวันแรก ไม่มีอุปสรรคเรื่องคลื่นลม สภาพเรือหลวงสุโขทัยยังคงตั้งอยู่ลักษณะเดิม เอียง 7 องศา ได้เห็นปฏิบัติการแล้วเข้าใจถึงความยากลำบาก เรือโอเชี่ยน วาเลอร์ ของสหรัฐฯ เป็นเรือเปล่า สหรัฐฯ ต้องขนย้ายอุปกรณ์ทั้งหมดขึ้นเครื่องบินมาจากรัฐฮาวายแล้วโหลดลงเรือที่สิงคโปร์ ใช้เวลาตั้งแต่วันที่ 1-10 ก.พ.67 ก่อนแล่นมาไทย โดยสิ่งแรกที่ได้นำขึ้นมาจากใต้น้ำแล้วคือป้ายชื่อเรือหลวงสุโขทัย
สำหรับแผนการปฏิบัติงานในช่วงวันที่ 22-26 ก.พ.67 จะเป็นการถ่ายรูปเรือทั้งภายในและภายนอก และค้นหาผู้เสียชีวิตที่ยังสูญหายอยู่ 5 นาย หากพบกระดูกมนุษย์จะส่งให้ตำรวจตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์โดยนำมาเทียบกับดีเอ็นเอของคนในครอบครัวที่ได้เก็บไว้แล้วก่อนหน้านี้ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 14 วันจะทราบว่าเป็นใคร หลังจากนั้นวันที่ 27 ก.พ.- 14 มี.ค.67 จะเป็นปฏิบัติการทำลายอาวุธที่เป็นอันตรายในเรือ นอกจากนี้ จะมีการนำสิ่งของสำคัญทางจิตใจ สิ่งของเครื่องใช้ของกำลังพลขึ้นมาด้วยเพื่อทำเป็นอนุสรณ์รำลึกเหตุการณ์ โดยภารกิจในครั้งนี้ใช้กำลังพลกองทัพเรือไทย 35 นาย และกองทัพเรือสหรัฐฯ 14 นาย
ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวอีกว่า ในส่วนของงบประมาณที่กองทัพเรือใช้ในภารกิจครั้งนี้เป็นของกองทัพเรือ 110 ล้านบาท ส่วนงบที่รัฐบาลจัดสรรมาให้ 90 ล้านบาท จะมีการส่งคืนเพื่อนำไปใช้ในเรื่องอื่น ส่วนสหรัฐฯ ช่วยสนับสนุนภารกิจโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยเป็นงบสำหรับการฝึกคอบร้า โกลด์ 2024 ยืนยันว่า การดำเนินการจะทำอย่างตรงไปตรงมา นำหลักฐานที่ได้มายืนยันข้อเท็จจริงที่ได้สอบสวนกันไว้ และจะมีการสรุปผลพร้อมแถลงอย่างชัดเจนว่าเรือจมเพราะอะไร คำถามทุกคำถามต้องมีคำอธิบาย
นัครินทร์/รายงานขาว