ผู้ตรวจการแผ่นดิน ลงพื้นที่ประชุมการพิจารณาแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดลำพูน
วันที่ 30 มกราคม 2567 เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมจามเทวี ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดลำพูน นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วยนายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน, นายบุญส่ง ไชยมณี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำพูน ให้การต้อนรับ นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริตประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะฯ เพื่อร่วมประชุมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่ของจังหวัดลำพูน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องครบถ้วน ก่อนมีข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐในวันนี้ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินและคณะฯ จึงได้มีการประชุมหารือร่วมกับจังหวัดลำพูน อำเภอเมืองลำพูน สำนักงานอัยการจังหวัดลำพูนและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับฟังข้อเท็จจริง ตลอดจนพิจารณาหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมให้กับผู้ร้องเรียนต่อไป โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ประชาชนผู้ร้องขอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
ด้วยสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนชาวจังหวัดลำพูน จำนวน 3 เรื่อง ประกอบด้วย เรื่องที่ 1 กรณีร้องเรียนจังหวัดลำพูนดำเนินการย้ายศาลากลางจังหวัดลำพูน และศูนย์ราชการจังหวัดลำพูนไปยังพื้นที่นอกเมือง ทำให้ประชาชนเดินทางไปติดต่อราชการด้วยความยากลำบาก และเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก กรณีนี้ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำพูนได้ชี้แจงถึงเหตุผลของการย้ายที่ตั้งศาลากลางจังหวัดลำพูนว่า ศาลากลางหลังเก่าอยู่ในเขตเมืองเก่า เนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ มีความคับแคบ อาคารเก่า ทรุดโทรม หากซ่อมแซมต้องใช้งบประมาณมาก ในปี 2537 จึงได้เริ่มมีการสำรวจการย้ายไปใช้พื้นที่ใหม่ บนพื้นฐานของนโยบายผังเมืองรวม ตามยุทธศาสตร์เมืองแฝดเชียงใหม่-ลำพูน อีกประการ คือ พื้นที่แห่งนี้ติดกับ อาคารที่ทำการของศูนย์การศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หริภุญชัย จังหวัดลำพูน จึงได้บูรณาการการใช้พื้นที่ร่วมกันทั้งระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ โดยคำนึงถึงหลักความคุ้มค่า อีกประการ คือ มีการทำประชาพิจารณ์ในการเลือกใช้พื้นที่ศาลากลางแห่งใหม่แล้ว เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการย้ายมายังสถานที่แห่งใหม่นี้
หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำพูน กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินการวางแผนการใช้พื้นที่แห่งใหม่ในการตั้งศาลากลางแห่งใหม่ แบ่งออกเป็น 2 ระยะ ระยะแรกมีการตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษา สำรวจ จนเริ่มก่อสร้างในปี 2562 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี จนสำเร็จ ส่วนระยะที่ 2 คือ การขยายพื้นที่ไปด้านหลังเพื่อให้เป็นที่ตั้งสำนักงานของส่วนราชการเพิ่มเติมและบ้านพัก ยังอยู่ในระยะวางแผนการดำเนินงาน อีกประการ คือ หน่วยงานที่อยู่ในศาลากลางแห่งนี้เป็นสายอำนวยการเป็นหลัก ยกเว้น สำนักงานพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำพูน ที่เป็นหน่วยงานบริการ มีภารกิจในการบริการประชาชนทุกกลุ่ม ตั้งแต่เปิดดำเนินการยังไม่พบการร้องเรียนเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวก
ด้านประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า การร้องเรียนของประชาชนแม้เป็นส่วนน้อยแต่ก็ถือว่าสำคัญ จึงขอให้หน่วยงานบริการของทางจังหวัด หาวิธีบริการประชาชน เช่น การฝากงานบางประการไว้ที่อำเภอ เพื่ออำนวยความสะดวกของประชาชนที่เดือดร้อน หรือ หารถไว้บริการประชาชนวันละ 2 เที่ยว เช้า-บ่าย เป็นต้น
เรื่องที่ 2 กรณีร้องเรียนเทศบาลตำบลเหมืองง่า อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ก่อสร้างถนนรุกล้ำที่ดินของผู้ร้องเรียน เป็นเหตุให้ผู้ร้องเรียนได้รับความเสียหาย โดยได้ร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินในกรณีดังกล่าว โดยผู้ร้องเรียนเป็นเจ้าของโฉนดที่ดิน ในพื้นที่ตำบลเหมืองง่า อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน บริเวณซอยข้างวัดวังทองด้านทิศใต้ ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตของเทศบาลตำบลเหมืองง่า ที่ก่อสร้างรุกล้ำเข้ามาในที่ดิน ฝ่ายกฎหมายจึงได้ชี้แจงในที่ประชุมให้หาข้อยุติ เพื่อให้ลงตัวทุกฝ่าย เนื่องจากเป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดินและบุคคล จากนั้นประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงแนะนำให้เข้าพบอัยการ ณ สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิฯ เพื่อนัดเจรจาทุกฝ่ายเพื่อหาข้อยุติ ก่อนเข้าขั้นตอนการฟ้องร้อง ส่วนเรื่องความปลอดภัยในพื้นที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เน้นย้ำ ให้ทางอำเภอเมือง และเทศบาลตำบลเหมืองง่า เข้าตรวจสอบ
เรื่องที่ 3 กรณีร้องเรียนเทศบาลตำบลเหมืองง่า อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาวัชพืช ยุง และงู บริเวณคลองเหมืองจ่าแส้ ซอยบ้านทุ่ง ถนนสันเหมืองเหนือ ตำบลเหมืองง่า อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เป็นเหตุให้ประชาชนซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวได้รับความเดือดร้อน กรณีนี้ เทศบาลตำบลเหมืองง่า ได้รับทราบถึงข้อปัญหาและได้แก้ไขปัญหาเบื้องต้นด้วยการนำเครื่องจักรเข้าไปขุดลอกแล้ว ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินจึงกล่าวว่า การแก้ปัญหาในระยะยาวต้องมีการวางท่อลอด แต่อย่างไรก็ตาม ต้องมีการประชุมกันเพื่อหาแนวทางแก้ไขในระยะยาว โดยต้องคำนึงถึงผลกระทบทุกฝ่าย โดยเฉพาะประชาชนทั้งเขตเทศบาลเมืองลำพูนและเทศบาลตำบลเหมืองง่า ซึ่งจุดปัญหาดังกล่าวอยู่คาบเกี่ยวระหว่างการรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 2 แห่ง
ในตอนท้าย ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้กล่าวขอบคุณทางจังหวัดและทางเทศบาลที่หาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อไป
นที มีเดช รายงาน