พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชุมพร ในโอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
วันนี้ 26 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10.40 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 1,430 ถุง ไปมอบแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ซึ่งตัวแทนราษฎรที่ประสบอุทกภัย และมอบแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชุมพร ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอสวี จังหวัดชุมพร
ในโอกาสนี้ องคมนตรี ได้เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวให้ราษฎรที่ประสบอุทกภัย และเจ้าหน้าที่ได้รับทราบกับลงพื้นที่เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ครอบครัวราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่หมู่ที่ 4 ตำบลสวี และหมู่ที่ 5 ตำบลนาโพธิ์ อำเภอสวี จำนวน 5 ครอบครัว ซึ่งเป็นผู้สูงอายุราษฎรต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณา
ในการนี้ องคมนตรี ได้เชิญพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการป้องกันภัย
และเมื่อเกิดภัยพิบัติ อาทิ การแจ้งเตือน, การวางแผน, การซักซ้อมแผน และการปฏิบัติของแต่ละหน่วยงาน ในการให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ แก่ราษฎรไปกล่าวในที่ประชุม เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้น้อมนำไปปรับให้เข้ากับแผนในการปฏิบัติของแต่ละหน่วย เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้รับฟังรายงานการเกิดเหตุอุทกภัย การแก้ไข รวมทั้งการดำเนินการให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด ฯ หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
จังหวัดชุมพร ได้รับอิทธิพลจากความกดอากาศสูงกำลังแรงแพร่ปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้
ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากต่อเนื่องในพื้นที่อำเภอสวี, อำเภอหลังสวน, อำเภอทุ่งตะโก, อำเภอละแม, อำเภอปะทิว และอำภอเมืองชุมพร เมื่อวันที่ 14-17 พฤศจิกายน 2566 ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน ส่งผลบ้านเรือนราษฎรที่อยู่ริมลำห้วย คลอง ถนน สะพาน คอสะพาน ฝาย พื้นที่ทางการเกษตร ปศุสัตว์ และสิ่งสาธารณประโยชน์ ได้รับความเสียหาย รวม 6 อำเภอ 33 ตำบล 234 หมู่บ้าน และประชาชนได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบ 4,385 ครัวเรือน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว โดยจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆเป็นการเร่งด่วนแล้ว