“พาณิชย์ลำพูน” รับรางวัลสุดยอดสําเภา-นาวาทอง ประจําปี 2566 จาก 1 ใน 40 หน่วยงานรัฐ ทั่วประเทศ และ 4 หน่วยงาน สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเชิดชูและให้กําลังใจหน่วยงานภาครัฐที่ปรับปรุงกระบวนงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดอุปสรรคในการดําเนินธุรกิจอย่างเห็นผล จากหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
วันพุธที่ 13 กันยายน 2566 เวลา 10.00 น. สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำพูน โดยนางกนกรัตน์ ยุกติรัตน์ พาณิชย์จังหวัดลำพูน รับมอบรางวัลสุดยอด หน่วยงานรัฐด้านการอํานวยความสะดวกภาคธุรกิจ ภายใต้ชื่อ รางวัล “สําเภา-นาวาทอง” ประจําปี 2566 เป็นรางวัลที่ภาคเอกชนจัดขึ้นเพื่อเชิดชูและให้กําลังใจหน่วยงานภาครัฐที่ปรับปรุงกระบวนงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดอุปสรรคในการดําเนินธุรกิจอย่างเห็นผล โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวแสดงความยินดีและเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล พร้อมด้วย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ณ ห้องประชุมชั้น 7 อาคาร 23 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
สําหรับปี 2566 ถือเป็นโอกาสครบรอบ 90 ปี หอการค้าไทย ภายใต้แนวทาง Connect Competitive Sustainable เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในทุกมิติ หอการค้าฯ ยังคมุ่งมั่นเดินหน้าสร้างความร่วมมือกับรัฐบาลชุดใหม่อย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันให้ภาครัฐปลดล็อคกฎ ระเบียบ และกฎหมายต่าง ๆ ให้อํานวยความสะดวกแก่ภาคเอกชน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาในการสร้างและขยายโอกาสให้กับประชาชนผ่านโยบายการเปลี่ยนบทบาทของรัฐที่เคยเป็นผู้กํากับดูแลที่เต็มไปด้วยกฎ ระเบียบและข้อบังคับ ให้เป็นผู้สนับสนุนที่ปลดล็อคข้อจํากัดของประชาชน สร้างโอกาสให้กับประชาชนในการสร้างรายได้และเจริญเติบโต อาทิ การยกเลิกและปรับปรุงกฎหมายที่ไม่จําเป็น ซึ่งหอการค้าฯ เชื่อว่ารางวัลนี้จะมีส่วนจุดประกายการทํางานระหว่างภาครัฐและเอกชน สร้าง Ecosystem เพื่อให้เกิด Ease of Doing Business และ Ease of Investment อย่างแท้จริง การเพิ่มศักยภาพหรือขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจจะเกิดขึ้นได้ ถ้าได้รับการสนับสนุนและอํานวยความสะดวกจากหน่วยงานภาครัฐ
การจัดงานมอบรางวัล“สําเภา-นาวาทอง”ประจําปี 2566 ได้รับความอนุเคราะห์จากสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) ชี้แนะและสนับสนุนข้อมูลการดําเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ โดยใช้เกณฑ์และมาตรฐานในการประเมินการตัดสินจากภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นผลสะท้อนจากการใช้บริการ และมีทีมนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ทําหน้าที่ประเมินวิเคราะห์ ใน 3 มิติสําคัญประกอบด้วย ประสิทธิภาพของกระบวนงาน การเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัล และสุดท้ายผลสัมฤทธิ์ด้านการให้ลบริการผ่านช่องทางดิจิทัลการอํานวยความสะดวกและการปรับปรุงการให้บริการ ตลอดจนส่งเสริม e-Government ตามนโยบายที่รัฐบาลได้ประกาศไว้
โดยในปีนี้มีการขยายรางวัลไปยังหน่วยงานระดับภูมิภาค รวมเป็น 4 ประเภท ได้แก่
1) รางวัลหน่วยงานระดับกระทรวง จํานวน 6 หน่วยงาน
2) รางวัลหน่วยงานระดับกรมจํานวน 16 หน่วยงาน
3) รางวัลหน่วยงานระดับกระบวนงาน จํานวน 5 หน่วยงาน
4) รางวัลหน่วยงานระดับภูมิภาค จํานวน 13 หน่วยงาน
นที มีเดช