“อัศวินเผ่า ศรียานนท์” อดีตแม่ทัพสีกากี ท่านเคยกล่าวไว้… “ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้” ดูเหมือนอมตะวาจาคำนี้ จะกลายเป็นประโยคทองคำฝังเพชร หยั่งรากลึกถึงก้นหัวใจของเหล่าผู้พิทักษ์ผองชนมาทุกยุคสมัย….
“ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ ตราบใดที่ยังเหยียบแผ่นดิน และถูกแผ่นฟ้าครอบอยู่”
เฉกเช่นคดี “ฆาตกรรมอำพราง” หมกศพสาวประเภทสอง ภายในบ้านไม้ครึ่งปูน 2 ชั้น เลขที่ 107 หมู่ 11 ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์
สภาพศพเน่าเฟะของกะเทยหนุ่มวัย 30 ปี นายธีรพงศ์ ล้ำเหลือ ถูกห่อมัดยัดในผ้าห่ม ซุกอยู่ภายในห้องเก็บของ พร้อมกับพบร่องรอยของการลากศพไปตามพื้น รวมทั้งเส้นผมร่วงหล่นและคราบเลือดในบริเวณหน้าห้องเกิดเหตุ คาดว่าตายมาแล้วประมาณ 3 สัปดาห์
ร.ต.อ. เสนีย์ ฉิมงาม ร้อยเวรสอบสวนเจ้าของคดี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ รับรู้โดยสัญชาตญาณนักสืบในทันทีว่า มันคือเหตุ…ฆาตกรรมอำพราง
แนวทางการสืบสวนหาเบาะแสของฆาตกร พุ่งเป้าไปที่แฟนหนุ่มชาวต่างชาติ ที่คบหากับผู้ตายมาได้ราว 6-7 เดือนแล้ว โดยล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แฟนหนุ่มได้เดินทางมาอยู่ยังบ้านหลังเกิดเหตุและมีพยานยืนยันว่าเห็นอยู่กับผู้ตายเป็นคนสุดท้ายก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย…จนกระทั่งพบกลายเป็นศพยัดห้องเก็บของภายในบ้านพัก เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 15 มิถุนายน 2565
วิชาตำราสืบสวนหน้าแรก จึงเริ่มเปิดฉากขึ้น ภายใต้แรงกดดัน!
ภายหลังจาก พล.ต.ท.ภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับคำสั่งจาก“บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ทาง สตม. ประสานงานกับตำรวจท้องที่ เร่งคลี่ปมสังหารและตามล่าตัวฆาตกรโดยเร็ว ตามคำบัญชาของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นผู้กุมบังเหียนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี… เพราะเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ และสังคมให้ความสนใจ!
คัมภีร์นักสืบน้อยใหญ่ ไล่มาตั้งแต่หัวแถว พล.ต.ท.ภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต. ณฐพล แวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขขะ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ไกลเขต บุรีรักษ์ รอง ผบก.ตม.3, และว่าที่ พ.ต.อ. จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมประชุมวางแผนเร่งปิดจ๊อบทันที
ปมมัดแน่นเริ่มหลวม เมื่อรู้ว่าคนร้ายคือ นายมารูส หรือมาริอุส คูนิกาส (Mr.Marius Kunickas) สัญชาติลิทัวเนีย!! ชุดแกะรอยมือระดับพระกาฬ ภายใต้การนำทีมของ พ.ต.อ. ทรงโปรด สิริสุขขะ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตียสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ธนวัฒน์ พูลสวัสดิ์ ผกก.ตม.จว.ชลบุรี, พ.ต.ท.สวัสดิ์ ม่วงไหมทอง รอง ผกก.ตม.จว.ชลบุรี, พ.ต.ท. ธงชัย คงวิมล รอง ผกก.สส.บก.ตม.3, พ.ต.ต.วีระชัย ถิ่นทมุก สว.ตม.จว.ชลบุรี เริ่มตีวงล้อม ไล่ควานหาเบาะแสจากกล้องวงจรปิด
จนพบว่า เมื่อช่วงเวลา 22.00 น. ของวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 กล้องวงจรปิดบริเวณสถานีขนส่ง อ.ปราสาท จับภาพนายมารูส กำลังลากกระเป๋าเดินทางมาขึ้นรถทัวร์โดยสารมุ่งหน้าไปยังจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออก ทำให้เส้นทางการแกะรอย เริ่มตีวงเลี้ยวบีบองศาแคบลงมาเรื่อย…
ทีมสืบสวนของ ตม.จว.ชลบุรี ชุดสืบสวน กก.1 บก.สส.สตม. และ กก.4 บก.สส.สตม.เร่งระดมลงพื้นที่ ปูพรมค้นหาทุกตรอกซอกซอย เอ็กซเรย์พิกัดต้องสงสัยทุกตารางนิ้ว ทำงานแข่งกับเวลากันอย่างหามรุ่งหามค่ำ
ในที่สุดก็ตามเจอกลิ่น! นายมารูส กำลังติดพันเหยื่อรายใหม่ ซึ่งเป็นสาวประเภทสองคนหนึ่ง ในย่านซอยบัวขาว เมืองพัทยา
เที่ยงคืนครึ่งของวันที่ 16 มิถุนายน 2565 ชุดสืบสวนที่เกาะติดความเคลื่อนไหว ถือหมายจับศาลจังหวัดสุรินทร์ บุกรวบตัวนายมารูสขณะกำลังอยู่บริเวณชายหาดยินยอม ถนนพระตำหนักซอย5 พื้นที่เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เป็นการปิดเกมส์อำมหิตของฆาตกรโหด
ถึงแม้ว่าในเบื้องต้นนายมารูส ได้ให้การภาคเสธ ยอมรับแค่ว่ามีปากเสียงกับผู้ตายจริง แต่บาดแผลริ้วรอยต่างๆ ที่พบตามร่างกาย รวมไปถึงโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟนของผู้ตายที่ผู้ต้องหานำมาด้วย ยังพบหลักฐานว่ามีการถ่ายคลิปขณะทะเลาะกับผู้ตาย รวมทั้งคลิประหว่างหลบหนีไปยังสถานีขนส่ง และหลักฐานการโอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นบัญชีของผู้ตาย ไปยังบัญชีของชายคนหนึ่ง โดยโอนต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม ถึง 8 มิถุนายน 2565
สตม.โชว์โบว์แดง ปิดจ๊อบก๊อกแรกสำเร็จงดงามตามท้องเรื่อง แต่ยังมีแรงกระฉอกก๊อกสองตามมา เหมือนจบ แต่ไม่จบ ยังไม่สะเด็ดน้ำ!?!?
คดีนี้มันมีมากกว่าหนึ่งไหม? เพราะเครื่องหมาย “เควสชั่น มาร์ค” ว่อนเต็มหัว !
“เดินเดี่ยว เสี่ยวพยัคฆ์”