ข่าวใหม่อัพเดท » ชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน.ปฏิบัติการ บังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ดังนี้

ชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน.ปฏิบัติการ บังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ดังนี้

31 กรกฎาคม 2019
0

         วันที่ 30 ก.ค.62 เวลา 10.00 พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หน.ชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน.ร่วมกับนายสมศักดิ์ ชวนชม หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พช.2(เขาค้อ), เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาค้อ และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดเพชรบูรณ์ สาขาหล่มสัก ได้นำประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดี ไปติดประกาศที่ร้านกาแฟโมอาย ซึ่งตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 12 หมู่ 7 ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

          เนื่องจากมีหมายบังคับคดีให้ขับไล่นายวรวิทย์ สินส่งสุข จำเลย และบริวาร พร้อมทั้งขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากป่าบริเวณทางหลวงหมายเลข 12 หมู่ 7 ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดยประกาศให้ผู้ที่ไม่ใช่บริวารของจำเลยยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ปิดประกาศ มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นบริวารของจำเลย และเจ้าพนักงานบังคับคดีจะดำเนินการบังคับคดีตามกฎหมายต่อไป

          จำเลยในคดีนี้ คือนายวรวิทย์ฯ เป็นนายทุนจาก กรุงเทพฯที่มีพฤติกรรม เจตนาบุกรุกยึดถือครอบครองซื้อขายเปลี่ยนมือ พื้นที่ป่าในโครงการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำก้อ-น้ำชุน จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2546 เพื่อป้องกันและบรรเทาการเสียหายจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ จำนวนเนื้อที่ 132,626 ไร่ โดยสร้างร้านกาแฟชื่อโมอาย ถูกเจ้าหน้าที่ ศปป.4 กอ.รมน.และเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุม ดำเนินคดี เมื่อ 2ม เม.ย.57 คดีได้ถึงที่สุดแล้ว เมื่อ 11 เม.ย.59 ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพาษาจำเลย ลงโทษปรับ 5,000 บาท จำคุก 3 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี, ควบคุมประพฤติ 1 ปี, คุมประพฤติจำเลย 1 ปี และให้จำเลย และบริวารออกจากพื้นที่ แต่ปัจจุบัน นายทุนรายนี้ยังคงประกอบกิจการเปิดร้านกาแฟโมอายอยู่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ถูกจับกุมจนถึงปัจจุบันโดยมิได้เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งนี้ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่บางคนในพื้นที่ คอยให้ความช่วยเหลือ เอื้อประโยชน์ให้นายทุน และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ดำเนินการบังคับคดี ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ทำให้คนทั่วไปไม่เกรงกลัวการกระทำผิด เนื่องจากรับโทษปรับเพียงเล็กน้อย แต่สามารถกอบโกยผลประโยชน์ได้จำนวนมากจากการทำผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ไม่สามารถหยุดยั้งการบุกรุกป่าได้

          พ.อ.พงษ์เพชรฯ ได้ประสานการปฏิบัติให้สำรวจ และติดตามการดำเนินคดีเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติทั่วทั้งประเทศ โดยกำชับให้หน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ ได้แก่ กรมป่าไม้, กรมอุทยานฯ และกรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายให้ถึงที่สุดจนถึงขั้นบังคับคดีโดยเคร่งครัดทุกคดีต่อไป ล่าสุดได้ไปดำเนินการที่อุทยานแห่งชาติทับลาน โดยจะรวมถึงการใช้มาตรการทางการปกครองในการรื้อถอนพืชผล อาสิน ออกจากป่า ได้แก่ ม.25 ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ และ ม.22 ตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ ถึงแม้ว่าอัยการจะมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากเคยมีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อส .31/
2559ได้วางบรรทัดฐานในเรื่องอัยการสั่งไม่ฟ้องไว้ว่า “กรณีที่พนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีอาญาผู้ฟ้องคดี(ผู้กระทำผิด)เพราะเห็นว่าขาดเจตนาในการกระทำผิด มิใช่เนื่องจากที่ดินที่ผู้ฟ้องคดี(ผู้กระทำผิด)ครอบครองทำประโยชน์ไม่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทับลานแต่อย่างใดไม่ อุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี(ผู้กระทำผิด)ในข้อนี้จึงฟังไม่ขึ้น” อุทยานแห่งชาติทับลาน จึงเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ให้พ้นไปในเขตอุทยานแห่งชาติทับลานได้ ถึงแม้อัยการจะมีคำสั่งไม่ฟ้องก็ตาม

ศุภเดช ธนูศร /ข่าวภูมิภาค/ เพชรบูรณ์
Cr. นายก สมัคร โชติวรรณ

error: Content is protected !!