ปัตตานี ศปบ.จชต. และภาคีเครือข่าย จัดกิจกรรมเปิดชั้นเรียน (Open class) จังหวัดชายแดนใต้ครั้งที่ 2 สานต่อการยกระดับคุณภาพการศึกษา

ปัตตานี ศปบ.จชต. และภาคีเครือข่าย จัดกิจกรรมเปิดชั้นเรียน (Open class) จังหวัดชายแดนใต้ครั้งที่ 2 สานต่อการยกระดับคุณภาพการศึกษา เสริมสร้างความเข้มแข็งการใช้ภาษาไทย บูรณาการร่วมกับวิชาอื่นในชั้นเรียน

         วันที่ 21 กันยายน 2562 เวลา 09.30 น. ที่ ห้องประชุมพญาตานี 1 โรงแรมเซาท์เทิร์นวิว อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ศูนย์ประสานงานและบริการการศึกษาจังหวัดชาย แดนภาคใต้ จัดโครงการพัฒนาและยกระดับคุณภาพการศึกษา โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งการใช้ภาษาไทย “กิจกรรมเปิดชั้นเรียน (Open Class) จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 2”

         โดยมีพลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ สมาชิกวุฒิสภา เป็นประธานเปิดกิจกรรม มีผู้ช่วยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานและบริการการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้บริหารการศึกษาของหน่วยงานทางการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน  เข้าร่วมกว่า 400 คน

           “กิจกรรมเปิดชั้นเรียน (Open Class) จังหวัดชายแดนภาคใต้” เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 เพื่อเป็นแนวทางการสร้างกระบวนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย โดยบูรณาการกับวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ รวมทั้ง สร้างวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ให้มีประสิทธิภาพต่อเนื่องและยั่งยืน

         ด้านพลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า “การนำนวัตกรรมดังกล่าวมาใช้จัดกิจกรรมในชั้นเรียน นับได้ว่าสอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล ซึ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาขับเคลื่อนพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของการใช้ภาษาไทยและการบูรณาการกับรายวิชาอื่น ๆ การเปิดชั้นเรียนวิชาภาษาไทย, คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ เป็นโอกาสอันดีที่จะพัฒนาการเรียนการสอนให้เกิดผลสัม ฤทธิ์ อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน เพราะสิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด เกิดความเข้าใจร่วมกันเป็นอย่างดี ซึ่งจะนำไปสู่ความมุ่งหวังของการจัดการศึกษา เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดำรงชีวิตอย่างเป็นสุขในสังคมพหุวัฒนธรรม สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการเปลี่ยนแปลง ของโลกในศตวรรษที่ 21

#จังหวัดปัตตานี #กิจกรรมเปิดชั้นเรียน (Open class) จังหวัดชายแดนใต้ #ILOVETHAILAND

ข้อมูล : ผู้สื่อข่าว บดินทร์ เบญจสมัย / ผู้เรียบเรียง – สุพจน์ กาบแก้ว

แหล่งที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปัตตานี

สำนักข่าวความมั่นคง

กองทัพบกและสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ขยายผลองค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรมการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ครั้งที่ 13

กองทัพบกและสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ขยายผลองค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรมการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ครั้งที่ 13 มุ่งมั่นพัฒนาองค์ความรู้สู่ชุมชน ด้วยพลังชุมชน

         นางพาตีเมาะ สะดียามู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เปิดกิจกรรมการขยายผลองค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรมการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ครั้งที่13  ที่โครงการหมู่ บ้านเศรษฐกิจพอเพียงและฟาร์มตัวอย่างอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านไอร์บือแต ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส  โดยมีนายกิตติ กิตติโชควัฒนา อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา, ดร.รุ่ง แก้วแดง ประธานมูลนิธิสุขแก้ว แก้วแดง, พันเอก รุ่งโรจน์ อนันตโท ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 151 ร่วมเป็นเกียรติในพิธีฯ

          นางพาตีเมาะ สะดียามู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวขอบคุณคณะทำงานทุกคน ที่ได้ร่วมกันขยายผลองค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรมการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง พัฒนานวัตกรรมในพื้นที่โครงการหมู่บ้านเศรฐกิจพอเพียงและฟาร์มตัวอย่างอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านไอร์บือแตฯ ขอให้สมาชิกในฟาร์มตัวอย่างฯ มุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาฟาร์มตัวอย่างฯ ให้มั่นคงก้าวหน้าด้วยวิถีแห่งเศรษฐกิจพอเพียงด้วยพลังของชุมชนในพื้นที่ 

           สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ การเลี้ยงโคเนื้อ โคนม แพะเนื้อและแพะนม อย่างมีคุณภาพ เพื่อความมั่งคั่งของเกษตรกรฟาร์มตัวอย่างฯ บ้านไอร์บือแต มีการจัดอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยี การเลี้ยงโคเนื้อโคนม อย่างมีคุณภาพ โดยอาจารย์ณฤทธิ์ ไทยบุรี จากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนราธิวาส มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ การอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยี การเลี้ยงแพะเนื้อแพะนม อย่างมีคุณภาพ ซึ่งล้วนแต่เป็นประโยชน์แก่สมาชิกในโครงการหมู่บนเศรฐกิจพอเพียงและฟาร์มตัวอย่างอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านไอร์บือแต อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ที่จะสามารถพัฒนาองค์ความรู้และต่อยอดความสำเร็จในอนาคตได้

ขอบคุณข้อมูล : ผู้สื่อข่าว – ผลดา ชูสิงห์ / ผู้เรียบเรียง – ธนพิชฌน์ แก้วกา

แหล่งที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส

สำนักข่าวความมั่นคง

องคมนตรี เปิดกิจกรรมจิตอาสา และรวมพลเยาวชนโครงการ “สานใจไทยสู่ใจใต้” (จากโครงการป๋า คืนคุณสู่บ้านป๋า) พร้อมพบปะเยาวชนโครงการ รุ่นที่ 1-35

องคมนตรี และประธานคณะกรรมการดำเนินการโครงการ “สานใจไทยสู่ใจใต้” เปิดกิจกรรมจิตอาสา และรวมพลเยาวชนโครงการ “สานใจไทยสู่ใจใต้” (จากโครงการป๋า คืนคุณสู่บ้านป๋า) พร้อมพบปะเยาวชนโครงการ “สานใจสู่ใจใต้” รุ่นที่ 1-35

         วันนี้ (21 ก.ย. 62) ที่สวนประวัติศาสตร์ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และประธานคณะกรรมการดำเนินการโครงการ “สานใจไทยสู่ใจใต้” ร่วมเปิดกิจกรรมจิตอาสา และรวมพลเยาวชนโครงการ “สานใจไทยสู่ใจใต้” (จากโครงการป๋า คืนคุณสู่บ้านป๋า) โดยได้เยี่ยมชมนิทรรศการความก้าวหน้า และการดำเนินของชมรม “สานใจไทยสู่ใจใต้” ของพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดสงขลา, สตูล, ยะลา, ปัตตานี และนราธิวาส กิจกรรมครั้งนี้มีเยาวชนโครงการ “สานใจไทยสู่ใจใต้” รุ่นที่ 1-35 เข้าร่วม

         พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ได้กล่าวให้โอวาทแก่น้อง ๆ “สานใจไทยสู่ใจใต้” ว่า โครงการ “สานใจไทยสู่ใจใต้” เป็นโครงการสำคัญตามดำริของ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ของประเทศไทย มีเยาวชนต้นแบบหลายพันคนจากต่างศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ขนบ ธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรม แสวงหาจุดร่วมของการอยู่ร่วมกัน รวมถึงการอยู่ร่วมกับครอบครัวอุปถัมภ์ ทั้งชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิม ที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร หรือพื้นที่ใกล้เคียง คอยดูแลจนเป็นครอบครัวเดียวกัน

         โดยขอให้เยาวชนยึดมั่นคำสอนของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมน ตรี และรัฐบุรุษ ที่สอนไว้ว่า “เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” การรักษาความเป็นไทย และความเป็นธรรม เพื่อช่วยเหลือ สร้างประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง จากนั้นองคมนตรีได้มอบโล่แก่ผู้ให้การสนับสนุนโครงการ “สานใจไทยสู่ใจใต้”

#องคมนตรี #สานใจไทยสู่ใจใต้ #จากโครงการป๋า คืนคุณสู่บ้านป๋า  #ILOVETHAILAND

ขอบคุณข้อมูล : ผู้สื่อข่าว – สุธิดา พฤกษ์อุดม / ผู้เรียบเรียง – วสันต์พรรษ จำเริญนุสิต

แหล่งที่มา : สวท.สงขลา

สำนักข่าวความมั่นคง

ตชด.ยะลา ร่วมขับเคลื่อนการเรียนการสอนด้านวิชาภาษาไทย เพื่อความถูกต้องในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน

          เมื่อวันที่ (19 กันยายน 2562) เจ้าหน้าที่จากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นำโดยนางสาวนิชาภา หมื่นไกร ผู้อำนวยการกลุ่มขยายผล โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศอ.บต. ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานและนิเทศการจัดการเรียนการสอนด้านวิชาภษาไทย ในระดับขั้นอนุบาลของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านตืองอ หมู่ที่3 ตำบลศรีบรรพ อำกอศรีสาคร จังหวัดนรริวาส ซึ่งทาง ศอ.บต. ได้ดำเนินการจ้างวิทยากรในพื้นที่ เพื่อนำไปสอนในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จังหวัดชายแดนภาคใต้ และให้นักเรียนในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เข้าใจถึงการสอนวิชาภาษาไทยในรูปแบบต่างๆ เพื่อเป็นพัฒนาการเรียนการสอนให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนดีขึ้น ตลอดจนการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้องในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน

          ร้อยตำรวจเอก สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ ครูใหญ่ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านตืองอฯ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมคุณภาพการศึกษาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านตืองอฯ ว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมา คุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำริให้ดำเนินการโครงการเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารโดยมีพระราชประสงค์เพื่อพัฒนคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้นทั้งทางด้านอาหารโภชนาการด้านการศึกษา และด้านภาษาไทย ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีความรู้และมีทักษะทางวิชาการเป็นพื้นที่ที่สามารถนำไปสู่การประกอบอาชีพที่เป็นรากฐานของการพึ่งตนเอง และพัฒนาท้องถิ่นสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และเป็นการสืบสานพระราโชบายด้านการศึกษา

         พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานให้ทุกภาคส่วนสถานศึกษาน้อมนำสู่การปฏิบัติ ด้วยทรงตั้งพระราชหฤทัยสืบสานรักษาต่อยอดพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง การดำเนินงานจึงกระจายอยู่ตามแนวชายแดน ครอบคลุมพื้นที่ทุรกันดารห่างไกลการคมนาคมทั่วทุกภาคของประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งหมู่บ้านและโรงเรียนในความรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด. สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

          อย่างไรก็ตามโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านตีองอฯ จะเน้นในเรื่องการใช้วิชาภาษาไทยแล้ว ยังได้เน้นในเรื่องของความอดทน ความพอเพียง และการทำเกษตรกรรมเพื่อใช้ในโครงการอาหารกลางวัน โดยให้น้อง ๆ ได้ร่วมกันรับผิดชอบการปลูกผักและเลี้ยงสัตว์เพื่อให้รู้ถึงประโยชน์ที่ได้ คือสามารถนำไปประกอบอาชีพได้หลังเรียนจบ โรงเรียนมีรายได้จากการขายผักปลาเนื้อไก่และไข่ไก่มาเป็นทุนอหารกลางวันที่สำคัญสามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้ชุมชนช่วยยกระดับชีวิต และเศรษฐกิจของครอบครัวให้ดีขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย

ขอบคุณข้อมูล : News

สำนักข่าวความมั่นคง

ฝสธ.ใหม่ที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 97 ที่บรรจุรับราชการในกองทัพภาคที่ 4 และที่จะต้องช่วยราชการ ใน กอ.รมน.ภาค 4 สน. เข้ารายงานตัวต่อ มทภ.4

          วันที่ ( 20 กันยายน 2562 เวลา 09.30 น. ) ฝสธ.ใหม่ที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 97 ที่บรรจุรับราชการในกองทัพภาคที่ 4 และที่จะต้องช่วยราชการ ในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จำนวน 10 นาย เข้ารายงานตัวต่อ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ มทภ.4/ผอ.รมน.ภาค 4 ณ. ห้องรับรอง บก.กอ.รมน.ภาค 4 สน. ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี

          โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ให้โอวาทและแนวทางการทำงานแก่ ฝสธ.ใหม่ทั้ง 10 นาย ว่า   ” ให้ช่วยกันทำงานด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ เสียสละ ด้วยอุดมการณ์และความรักใน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ยึดถือหลักการเป็นคนดีมาใช้ทำงานในทุกภารกิจ เพื่อความเจริญก้าวหน้าในประเทศ และเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้ใต้บังคับบัญชาต่อไป”

ขอบคุณข้อมูล : ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า

สำนักข่าวความมั่นคง

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า บินสำรวจสภาพอากาศประเมินสถานการณ์หมอกควัน

          วันที่ (20 กันยายน 2562) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า นำ เฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินสำรวจสภาพอากาศ เพื่อประเมินสถานการณ์หมอกควันที่ได้รับผล กระทบจากสถานการณ์ไฟป่าประเทศอินโดนีเซีย พบว่า ค่า PM 2.5 ที่วัดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 กันยายน 2562 เวลา 08.00 น.ในเขตเทศบาลนครยะลา วัดได้เท่ากับ 62 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว

         โดยล่าสุด สำนักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครยะลา และหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดยะลา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดยะลา สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา เป็นต้น ได้เตรียมหน้ากากอนามัยไว้แจกประชาชน  ซึ่งพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดยะลา สามารถขอรับหน้ากากอนามัยได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข เทศบาลนครยะลา 4 แห่ง ได้แก่ ตลาดเก่า, ถนนสิโรรส 6, หลังกองร้อย, หลังปั้ม ปตท.วงเวียนหอนาฬิกา และหลังโรงเรียนเทศบาล 4 ธนวิถี

         ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารรายงานสถานการณ์หมอกควันไฟป่าจากประเทศอินโดนีเซีย อย่างใกล้ชิด และหลีกเลี่ยงหรืองดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือหากออกนอกอาคารให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง

ขอบคุณข้อมูล : ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า

สำนักข่าวความมั่นคง

มทภ.4 ป็นประธานการประชุม คณะกรรมการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จังหวัดชายแดนภาคใต้

          วันที่ 20 กันยายน 2562 เวลา 10.30 น. พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ มทภ.4/ผอ.ศอ.ปส. จชต. เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.ปส.จชต. เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดชายแดนภาคใต้ระยะ 5 ปี ครั้งที่ 3 ประจำปีงบประมาณ 2562 ณ ห้องประชุม 1 กอ.รมน.ภาค 4 สน. ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี

          การประชุม ในวันนี้เป็นการสรุปผลการปฏิบัติงานตามแผน และยุทธศาสตร์ที่ได้วางไว้ โดยมีผลการปฏิบัติงานเป็นที่น่าพอใจ จำนวนผู้ค้ายาเสพติด และผู้เสพมีจำนวนลดลง ได้รับความร่วมมือและความไว้วางใจอย่างดีจากผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และประชาชนในห้วงที่ผ่านมา พร้อมวางกรอบแนวทางและนโยบายการทำงานในปีงบประมาณ 2563 ให้กับการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับคณะกรรมการ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง

         โดย มทภ.4 ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.จชต. กล่าวว่า ” ขอให้คณะกรรมการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประสานความร่วมมือกัน เพื่อเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน ในเรื่องของการป้องกัน สกัดกั้น จนถึง บำบัดรักษา และพัฒนาคุณภาพชีวิต ควบคู่ไปกับการสร้างการรับรู้ และสร้างความเข้าใจต่อ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา และพี่น้องประชาชน ให้ได้รับทราบแนวทางในการปฏิบัติร่วมกัน เพื่อให้ยาเสพติดหมดสิ้นไป นำมาซึ่งความสงบสุขของประเทศชาติและพี่น้องประชาชน อย่างยั่งยืนโดยเร็ว โดยเชื่อว่า หากทุกฝ่ายบูรณาการ ประสานความร่วมมือกัน ทำงานของตนตามหน้าที่ จะสามารถแก้ไขปัญหายาเสพติด คืนความสุขและคนดีสู่สังคมได้อย่างแน่นอน “

ขอบคุณข้อมูล : ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า

สำนักข่าวความมั่นคง

แม่ทัพภาคที่ 4 แถลง แผนเสริมสร้างสันติสุข ปี 63 เน้นสู้ด้วยความจริง ใช้ยุทธศาสตร์คนดี และประชาชนมีส่วนร่วม สร้างความเชื่อมั่นศรัทธาสู่ประชาชน

          เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2562 ที่ สโมสรนายทหารสัญญาบัตร พล.ร. 15 อำเภอหนอง จิก จังหวัดปัตตานี พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานการประชุม สรุปผลการปฏิบัติงานตามนโยบายและสั่งการของผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ประจำปี 2562 พร้อมแถลงแผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ประจำปี 2563 และมอบของที่ระลึกให้กับกำลังพลที่เกษียณอายุราชการในปีงบประมาณ 2562 และมอบรางวัลหน่วยฝึกทบทวน กำลังประจำถิ่น และกำลังประชาชนดีเด่น

          พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่าแผนการทำงานเสริมสร้างสันติสุข ปี 2563 ต่อยอดความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมของแผนเสริมสร้างสันติสุขปี 2562 มาเป็นแนวในการดำเนินงาน โดยมุ่งเน้นสู้ด้วยความจริง ไม่บิดเบือน ผิดเป็นผิด ถูกก็คือถูก ยึดเป็นกรอบแนวทางการปฏิบัติเพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา โดยยังคงงานเร่งด่วน 5 งาน คือ

          1.งานควบคุมพื้นที่ปลอดภัย ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จากการปฏิบัติเชิงรับเป็นเชิงรุก ลาดตระเวณพิสูจน์ทราบ แหล่งหลบซ่อนพักพิงผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่หมู่บ้านสันติสุข 118 หมู่บ้านและ ให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ประชาชนมีส่วนร่วมในการรักษาความสงบเรียบ ร้อยในหมู่บ้าน ตำบลเร่งจัดตั้งจุดตรวจประจำหมู่บ้านให้ครอบคลุมทุกหมู่บ้าน เน้นปฎิบัติการเชิงรุกบูรณาการกับทุกภาคส่วน ทั้งกำลังประจำถิ่นและกำลังภาคประชาชน, อส.และตำรวจ ร่วมปฏิบัติการจรยุทธ์ ปฏิบัติของจรยุทธ์ต่อจากนี้จะต้องบูรณาการร่วมกันทั้ง ตำรวจ และทหาร ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านต้องทำหน้าที่ดูแลพื้นที่ให้ปลอดเหตุ การดูแลแนวชาย แดนจะควบคุมเข้มตรวจตราไม่ให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้ามามาก่อเหตุได้ โดยเฉพาะท่าข้ามผิดกฎหมายต้องกวดขันดูแลเป็นพิเศษ มีการปรับแผนทุกเส้นทางโดยเฉพาะรอยต่อทั้ง 4 อำ เภอของสงขลา บูรณาการทุกอำเภอตั้งด่านตรวจ จุดสกัด เพิ่มความเข้มงวดตามแนวชาย แดน เพื่อสกัดเสรีในการลักลอบนำเข้าสิ่งของผิดกฏหมายและเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ ตลอดจน เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกำลังประชาชนให้สามารถปฏิบัติงานในการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่แทนกำลังหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

        2.งานแก้ไขปัญหายาเสพติด จะยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ ศูนย์ปฏิบัติการร่วมอำเภอ และใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อนำผู้เสพเข้ารายงานตัวเข้ากระบวน การคัดกรอง บำบัดรักษา สร้างงานสร้างอาชีพ ให้คุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งในปีหน้าจะมีการเพิ่มมาตรการให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะแคมป์ 35 ในการบำบัดรักษา พร้อมกับการปราบปรามผู้ค้ารายย่อย ดำเนินการตรวจค้นพ่อค้ารายใหญ่และรายย่อย โดยจะใช้รูปแบบการศึกษาทางเส้นทางการเงินหรือหลักฐานอื่นๆ เป็นสำคัญ

        3. งานส่งเสริมการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง เน้นขับเคลื่อนชุม ชน 2 วิถี ให้ได้เรียนรู้ยอมรับการอยู่ร่วมกัน ตลอดจนสานสัมพันธ์ระหว่าง 2 ศาสนา

         4.งานด้านส่งเสริมการพัฒนาเพื่อความมั่นคง ซึ่งมี ศอ บต.ดำเนินการอยู่ จะมุ่งเน้นการขับเคลื่อนการเพิ่มศักยภาพ และพัฒนาเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”

         5.งานเสริมสร้างความเข้าใจ ให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นที่ร่วม โดยให้ประชาชนและผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่อย่างสร้างสรรค์ โดยใช้ ชป.กร. ในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด, งานสลายโครงสร้างหมู่บ้านอาเยาะห์, ขับเคลื่อนโครงการประชารัฐ และการช่วยเหลือประชาชนเสริมสร้างความเข้าใจ

          ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้เน้นย้ำกำลังพลที่ปฎิบัติงานในพื้นที่ ให้ยึดหลักระเบียบ วินัย หลีกเลี่ยงการสร้างเงื่อนไข โดยในปี 2563 จะใช้มาตรการรุก ทั้งการทหารและการเมือง เน้นความจริง จะต่อสู้ความด้วยจริง ทุกเหตุทุกเรื่องที่เกิดขึ้น จะใช้ความจริงเข้าแก้ปัญหา และใช้ยุทธศาสตร์คนดี ให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นที่รักของสังคม เคารพกฎหมาย กฎกติกา และปฏิบัติตามข้อบังคับให้เหมือนประชาชนทั่วไป อย่าทำตัวเหนือกฎหมาย เพื่อสร้างศรัทธาและความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่

ขอบคุณข้อมูล : สำนักปฏิบัติการข่าวสาร กอ.รมน.ภาค 4 สน.

สำนักข่าวความมั่นคง

แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานสวดพระอภิธรรมศพ อาสาสมัครรักษาดินแดน ชุดคุ้มครองตำบลนาประดู่ ที่เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด และยิงซ้ำ ขณะทำการลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยครู


         วันที่  20 กันยายน 2562  เวลา 16.00 น.  พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมศพ อส.พงษ์ศักดิ์  ยอดใจ อายุ 30 ปี และ อส.พัลลภ ศรีทองแก้ว อายุ 26 ปี สังกัดชุดคุ้มครองตำบลนาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ที่เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด และยิงซ้ำ ขณะทำการลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยครูขณะเดินทางกลับจาก โรงเรียนบ้านควนประ ตำบลนาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา

          ในโอกาสนี้ พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /  ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้มอบเงินช่วยเหลือให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งสองราย และกล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต

          สำหรับการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมศพ อส.พงษ์ศักดิ์  ยอดใจ อายุ 30 ปี บำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม ณ วัดปุหรน ตำบลช้างให้ตก อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี และ อส.พัลลภ ศรีทองแก้ว อายุ 26 ปี บำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม ณ วัดทรายขาว ตำบลทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี

ขอบคุณข้อมูล : ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า

การประชุมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ครั้งที่ 4/2562

         วันนี้ (21 ก.ย. 62) พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. ได้เปิดเผยว่า กอ.รมน. โดย ศปป.3 กอ.รมน. ได้จัดการประชุมรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ครั้งที่ 4/2562 ณ. ห้องประชุม กอ.รมน. อาคาร ศปก.ทบ.(เดิม) โดยมีผู้แทนหน่วยเข้าร่วมประชุม 18 หน่วยงาน การประชุมดังกล่าวฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบสถานการณ์ด้านการรักษาความมั่นคงปลอด ภัยไซเบอร์ และความคืบหน้าการดำเนินงานของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในการบูรณาการ เตรียมความพร้อม ให้เจ้าหน้าที่ในการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ ให้สามารถรับมือต่อภัยคุกคามได้ รวมถึงการพิจารณาจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ

          สำหรับในที่ประชุม ได้หารือถึงสถานการณ์ภัยคุกคามด้านไซเบอร์ ปัจจุบันมีรูปแบบการโจมตี วิธีหลอกลวง(Phishing) โดยใช้เว็บไซต์ปลอม การแชร์ข้อมูลที่มีความประสงค์ร้าย ทำให้ระบบเสียหาย รวมไปถึงการโจรกรรมข้อมูล (มัลแวร์) เพื่อทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในการบริหารงานของภาครัฐ

         ในที่ประชุมยังได้พูดคุยถึงมาตรการในด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของหน่วยงาน โดยการติดตั้งระบบคัดกรองข้อมูลข่าวสารและการดูแลระบบข้อมูลเครือข่าย การกำหนดกฎระเบียบมาบังคับใช้ (Firewall) คือ วิธีการเข้าสู่ระบบ Internet ซึ่งต้องแสดงตัวตนจึงจะเข้าใช้งานได้ นอกจากนี้ยังได้มีการเสนอแนะแนวทางการป้องกันด้วยวิธีการกำหนดช่วงเวลาการเข้าใช้การประชาสัมพันธ์ตามสื่อต่างๆ สร้างการรับรู้ของประชาชนให้เท่าทัน ป้องกันการถูกหลอกลวงมิให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพโดยเฉพาะในด้านการสร้างข่าวปลอม (Fake News)

          การป้องกันและแก้ไขปัญหาความมั่นคงทางไซเบอร์อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ จำเป็นอย่างยิ่ง ที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานไปจนถึงระดับนโยบาย จะต้องเข้าใจและเห็นไปในทิศทางเดียวกันในการที่จะทำให้ประชาชนได้เกิดความตระหนักรู้ เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน จำเป็นต้องมีคู่มือเพื่อยึดถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น