สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกาย โดยใช้อาวุธมีด

สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธมีด แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และนำตัวไปฝากขังยังศาลจังหวัดเชียงใหม่

5 พฤศจิกายน 2568 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ สั่งการให้ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ ดำเนินการตามกฎหมายและอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน กรณีเกิดเหตุทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีดมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส กรณีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน 2568 เวลาประมาณ 23.50 น. สถานที่เกิดเหตุหน้าร้านอาหาร บนถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 7 ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

พฤติการณ์ กลุ่มชายไทยสองกลุ่มมาใช้บริการนั่งดื่มภายในร้าน โดย กลุ่มที่ 1 มีประมาณ 11 คน, กลุ่มที่ 2 มีประมาณ 4 คน และเริ่มมีปากเสียงกันจากการเดินชนและมองหน้ากันในร้าน ก่อนจะเจรจาและแยกย้ายกันได้ชั่วคราว ต่อมาขณะร้านใกล้ปิด ทั้งสองกลุ่มออกมาหน้าร้านและเกิดการท้าทายกันอีกครั้ง จนมีการชกต่อยกัน ระหว่างนั้น ผู้ต้องหา (กลุ่มที่ 2) ได้ไปหยิบอาวุธมีดจากรถ จยย.ที่จอดใกล้ๆ แล้วใช้แทงกลุ่มคู่กรณีกลุ่มที่ 1 จนมีผู้บาดเจ็บ 3 ราย และ บาดเจ็บสาหัส 2 ราย

หลังเกิดเหตุมีผู้เข้าห้ามและแยกย้ายกันไป เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.ภูพิงค์ฯ ได้ติดตามตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐาน และเรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาสอบสวน จนทราบพฤติการณ์โดยละเอียด และได้ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาเมื่อวันที่ 5 พ.ย.68​ พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหา 2 คน( กลุ่มที่ 2) โดยได้แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นฯ โดยใช้อาวุธมีดจากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ไปฝากขังยังศาลจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป


นที มีเดช รายงาน

แม่ทัพภาคที่ 3 ตรวจเยี่ยมรพ.ค่ายกาวิละ มทบ.33 สร้างขวัญกำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์

แม่ทัพภาคที่ 3 ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลค่ายกาวิละ มณฑลทหารบกที่ 33 สร้างขวัญกำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ เดินหน้าพัฒนาโรงพยาบาลกองทัพบกให้เป็นที่พึ่งของกำลังพลและประชาชน

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 พลโท วรเทพ บุญญะ แม่ทัพภาคที่ 3 และคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของ โรงพยาบาลค่ายกาวิละ มณฑลทหารบกที่ 33 จังหวัดเชียง ใหม่ เพื่อรับฟังผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา แนวทางการพัฒนาหน่วยในอนาคต และเพื่อพบ ปะมอบนโยบายแก่กำลังพลของโรงพยาบาล

โดยมี พลตรี ธำรงศักดิ์ บุญทักษ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 พร้อมด้วยฝ่ายอำนวยการ, พันเอก สรารักษ์ ชูสกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายกาวิละและกำลังพลของโรงพยาบาล ร่วมให้การต้อนรับ

ภายในกิจกรรม แม่ทัพภาคที่ 3 ได้รับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านการให้บริการทางการแพทย์แก่กำลังพล ครอบครัว และประชาชนทั่วไป รวมถึงโครงการส่งเสริมสุขภาพเชิงรุก การแพทย์เคลื่อนที่ การพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยฉุกเฉินและแนวทางยกระดับคุณภาพโรงพยาบาลให้สอดคล้องกับนโยบายของกองทัพบก ที่มุ่งให้โรงพยาบาลค่ายกาวิละเป็น “โรงพยาบาลกองทัพบกคุณภาพ มาตรฐานบริการประชาชน”

จากนั้น แม่ทัพภาคที่ 3 และคณะ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการผลงานเด่นของโรงพยาบาล ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์จาก โครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” ที่ส่งเสริมการพึ่งพาตน เองและสร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่กำลังพล รวมถึงการจัดแสดง นวัตกรรมด้านการดูแลผู้ป่วย และระบบบริการสุขภาพที่พัฒนาโดยบุคลากรของโรงพยาบาลเอง

นอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วยผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ได้ร่วมกัน ปลูกต้นไม้เพื่อเป็นที่ระลึก สัญลักษณ์แห่งความร่วมมือ ความสามัคคี และความยั่งยืนของหน่วย พร้อมทั้งพบปะกำลังพลโรงพยาบาล ให้โอวาทและมอบนโยบายสำคัญ โดยเน้นย้ำให้บุคลากรทุกระดับปฏิบัติงานด้วยความเสียสละ ซื่อสัตย์ รับผิดชอบ และยึดมั่นในจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ เพื่อให้โรงพยาบาลค่ายกาวิละเป็นหน่วยงานที่กำลังพล ครอบครัว และประชาชน “วางใจและพึ่งพาได้” อย่างแท้จริง


นที มีเดช รายงาน

ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ลงพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เยี่ยมกำลังพลชายแดนไทย–กัมพูชา มุ่งเน้นดูแลความเป็นอยู่และขวัญกำลังใจของกำลังพล

ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ลงพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เยี่ยมกำลังพลชายแดนไทย–กัมพูชา มุ่งเน้นดูแลความเป็นอยู่และขวัญกำลังใจของกำลังพล

จากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาที่ยังคงมีความเคลื่อนไหวและความท้าทายด้านความมั่นคงในหลายมิติ กองทัพบกยังคงปฏิบัติภารกิจในการดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาความปลอดภัยของประเทศและประชาชนในพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง

พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก มีความห่วงใยในความเป็นอยู่ของกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่แนวชายแดน รวมถึงครอบครัวของทหารที่เสียสละเพื่อชาติ จึงได้มอบนโยบายให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับลงพื้นที่เยี่ยมเยียน รับฟังปัญหา และให้กำลังใจแก่กำลังพลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การติดตามสถานการณ์และการดูแลกำลังพลเป็นไปอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้มอบหมายให้ พลเอก อมฤต บุญสุยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เดินทางลงพื้นที่ กองทัพภาคที่ 2 ระหว่างวันที่ 5–7 พฤศจิกายน 2568 เพื่อเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจแก่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมรับฟังข้อมูลการปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การสนับสนุนด้านต่าง ๆ เป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจของกองทัพบก

ในเมื่อวานนี้ (5 พ.ย.68) วันแรกของการลงพื้นที่ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกและคณะ ได้รับฟังการบรรยายสรุปผลการปฏิบัติภารกิจในห้วงที่ผ่านมา จากหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 ณ มณฑลทหารบกที่ 22 จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีการรายงานถึงภาพรวมการปฏิบัติงานด้านกำลังพล การดูแลสิทธิและสวัสดิการทั้งสายงานปกติและสายสนาม รวมถึงการดำเนินงานของศูนย์ประสานการรับมอบความช่วยเหลือกำลังพลที่บาดเจ็บและครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่

โอกาสนี้ พลเอก อมฤต บุญสุยา ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยให้ความสำคัญกับการดูแลสิทธิและสวัสดิการของกำลังพลทุกระดับชั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายทหารชั้นประทวนและทหารกองประจำการ รวมถึงครอบครัวของกำลังพล เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อันจะนำไปสู่ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานและผลลัพธ์ที่ดีต่อกองทัพบกและประเทศชาติ

จากนั้น คณะได้เดินทางไป เยี่ยมกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ ณ โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อแสดงความห่วงใยและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด พร้อมกล่าวชื่นชมในความเสียสละ ความเข้มแข็ง และความมุ่งมั่นของกำลังพลในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ

ในช่วงบ่าย ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางลงพื้นที่ตามฐานปฏิบัติการชายแดน เพื่อเยี่ยมพบปะ ให้โอวาท และมอบสิ่งของบำรุงขวัญแก่กำลังพล พร้อมตรวจเยี่ยมสภาพความเป็นอยู่ในด้านต่าง ๆ ทั้งที่พัก การประกอบเลี้ยง การสื่อสาร และสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อให้กำลังพลสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ พลเอก อมฤต บุญสุยา ได้กล่าวขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ทุ่มเทเสียสละในการปฏิบัติภารกิจตลอดห้วงที่ผ่านมา ด้วยความมุ่งมั่นและความเข้มแข็ง จนภารกิจบรรลุผลสำเร็จและได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน พร้อมเน้นย้ำให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับดูแลสุขภาพกายและใจของกำลังพลอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการจัดการด้านสุขาภิบาลให้เหมาะสม เพื่อให้ทุกนายมีขวัญกำลังใจที่ดีและพร้อมปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติอย่างเต็มกำลัง



ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก โดยทีมโฆษกกองทัพบก

จนท. ทยอยส่งชาวอินเดียลอตแรก 270 คน กลับประเทศ หลังข้ามมาฝั่งไทย จากเหตุการปราบปรามแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา

จนท. ทยอยส่งชาวอินเดียลอตแรก 270 คนกลับประเทศ หลังข้ามมาฝั่งไทย จากเหตุการปราบปรามแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา

วันนี้ (6 พ.ย. 68) เจ้าหน้าที่ ได้ส่งตัวชาวอินเดีย ที่ข้ามมายังฝั่งไทยจากการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่เคเคปาร์ค เมียวดี ของเมียนมา โดยศูนย์สั่งการชายแดนส่วนหน้าได้ประสานงานกับสถานทูตอินเดียประจำประเทศไทย ในการรับบุคคลสัญชาติตนเองกลับสู่มาตุภูมิ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก สถานีตำรวจภูธรแม่สอด ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 346 คอยอำนวยความสะดวก

ทั้งนี้ มีชาวอินเดียหนีข้ามเข้ามายังประเทศไทย จำนวน 465 คน ซึ่งในวันนี้ มีแผนการส่งกลับชาวอินเดียชุดแรกจำนวน 270 คน ที่ผ่านขั้นตอนการคัดกรองส่งต่อระดับชาติ หรือ NRM โดยได้มีการเคลื่อนย้ายชาวอินเดีย จากสถานที่กักกันด่านตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดตาก ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก โดยใช้รถยนต์กระบะและใช้รถบัส 3 คัน แบ่งเป็นคันละ 45 คน เป็นหญิง 26 คน ชาย 109 คน รวมเที่ยวแรก 135 คน เพื่อเดินทางจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จ.ตาก ไปยังท่าอากาศยานแม่สอด

โดยเที่ยวบินแรกใช้เครื่องบินขนส่งทางทหาร Indian Air Force C-130J หมายเลขเครื่อง IFC1465 ลงจอดในเวลา 9:10 น. ณ ท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด และบินกลับในเวลา 11:20 น. โดยมีการจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยตลอดเส้นทาง เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนที่กำหนด

ส่วนเที่ยวบินที่ 2 ลงจอดในเวลา 11:35 น. และบินออกจากสนามบินนานาชาติแม่สอด ในเวลา 12:55 น. นำชาวอินเดียเพศชายกลับจำนวน 135 คน ซึ่งแต่ละเที่ยวบินสามารถรองรับชาวอินเดียได้ประมาณลำละ 135 คน ก่อนเดินทางกลับประเทศอินเดียต่อไป

สำหรับชาวอินเดียที่เหลืออีก 195 คน มีแผนส่งกลับในวันที่ 10 พ.ย.นี้ ในขณะที่ประเทศต่างๆ เริ่มมีการประสานเพื่อรับบุคคลสัญชาติตนเองกลับประเทศบ้างแล้ว

TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #สแกมเมอร์ #เมียนมา #แม่สอด #ตาก


นที มีเดช รายงาน

นักศึกษา ม.แม่โจ้-แพร่ ฯ คว้ารางวัลยุวสัตวบาลดีเด่น ปี 2567 จากสมาคมสัตวบาลแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ฯ

นักศึกษา ม.แม่โจ้-แพร่ ฯ คว้ารางวัลยุวสัตวบาลดีเด่น ปี 2567 จากสมาคมสัตวบาลแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ฯ

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 นางสาวญาณิศามน กันถาด มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิม พระเกียรติ เข้ารับโล่รางวัล “รางวัลยุวสัตวบาลดีเด่น ประจำปี 2567” จากสมาคมสัตวบาลแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมี ดร.จรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี ประธานในพิธีมอบรางวัล ณ โรงแรมมารวยการ์เด้น กรุง เทพมหานคร

สำหรับรางวัลยุวสัตวบาลดีเด่น เป็นรางวัลที่มอบให้แก่นิสิตนักศึกษาที่มีความรู้ ความสามารถ และมีผลงานโดดเด่นด้านวิชาการและวิชาชีพสัตวบาล รวมถึงมีจิตอาสาและคุณธรรมจริยธรรมอันเหมาะสม ถือเป็นรางวัลเกียรติยศอันทรงคุณค่าและเป็นกำลังใจสำคัญให้กับเยาวชนในสายวิชาชีพสัตวบาล

นางสาวญาณิศามน กันถาด ลูกแม่โจ้รุ่นที่ 87 เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเทคโนโลยีการผลิตสัตว์ ซึ่งเป็นผู้มีผลการเรียนดี กิจกรรมเด่น มีความประพฤติดี มีความมุ่งมั่นในการวิจัยและ พัฒนาวิชาการด้านสัตวบาล เคยได้รับรางวัลการนำเสนอ ระดับยอดเยี่ยม ในการประชุมวิชาการทางด้านสัตวศาสตร์ระดับนานาชาติ ณ ไต้หวันนอก จากนั้นยังทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อประโยชน์ต่อสังคม/องค์กร อีกมากมาย เคยดำรงตำแหน่ง นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ – แพร่ เฉลิมพระเกียรติ ประจำปี 2567 และยังได้รับการคัดเลือกเป็นประธานเครือข่าย นักศึกษาสิงห์อาสาภาคเหนือ อีกด้วย ซึ่งนางสาวญานิศา กันถาด มีเป้าหมายในชีวิตว่า อยากศึกษาต่อในด้านปศุสัตว์และประกอบกิจการเกี่ยวกับศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาพันธุ์และอาหารสัตว์ หวังว่าจะมีส่วนร่วมพัฒนาให้อุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทยมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นในอนาคต

ด้านช่วยศาสตราจารย์ ดร.รัฐพงศ์ ปกแก้ว คณบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ขอแสดงความยินดีกับนักศึกษาที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ ซึ่งเป็นรางวัลจากความมุ่งมั่นตั้งใจ ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของลูกแม่โจ้สะท้อนถึงคุณภาพของการเรียนการสอนและการปลูกฝังอุดมการณ์เกษตรของมหาวิทยาลัย ที่มุ่งเน้นการสร้างบัณฑิตให้มีทั้งความรู้ คุณธรรม และจิตสำนึกในการพัฒนาเกษตรกรรมไทยอย่างยั่งยืน”


นที มีเดช รายงาน

ผบ.กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 และรองผบ.มทบ.39 ร่วมพิธีเปิดงานลอยกระทง ประจำปี 2568 “ตำนานแห่งสายน้ำ ราชธานีศรีสองแคว จองเปรียงแห่งศรัทธา”

ผู้บัญชาการกองบัญชาการช่วยรบที่ 3 และรองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 39 ร่วมพิธีเปิดงานลอยกระทง ประจำปี 2568 “ตำนานแห่งสายน้ำ ราชธานีศรีสองแคว จองเปรียงแห่งศรัทธา” โดยเทศบาลนครพิษณุโลก

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 เวลา 19.00 น. ที่ เวทีจันทรา หน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวร มหาวิหาร อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก..ผู้บัญชาการกองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ร่วมพิธีเปิดงานประเพณีลอยกระทงจังหวัดพิษณุโลก ประจำปี 2568 “ตำนานแห่งสายน้ำ ราชธานีศรีสองแคว : จองเปรียงแห่งศรัทธา” โดย นายบุญเหลือ บารมี รองผู้ว่าจังหวัดพิษณุโลก รักษาราชการแทนผู้ว่าจังหวัดพิษณุโลก กล่าวแสดงความอาลัยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และยืนสงบนิ่งเพื่อแสดงความอาลัย ก่อนเป็นเป็นประธานในพิธีเปิดงานลอยกระทง จังหวัดพิษณุโลก ประจำปี 2568 “ตำนานแห่งสายน้ำ ราชธานีศรีสองแคว จองเปรียงแห่งศรัทธา” โดยมี นายศิริชิน หาญพิทักษ์พงศ์ นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก กล่าวรายงาน นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก กล่าวความร่วมมือระหว่าง อปท.ในการจัดกิจกรรมงานลอยกระทง จังหวัดพิษณุโลก ประจำปี 2568 “ตำนานแห่งสายน้ำ ราชธานีศรีสองแคว จองเปรียงแห่งศรัทธา” มี รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 39 พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธีเปิดโดยพร้อมเพรียงกัน

ขณะที่พิธีกรชื่อดังระดับประเทศ คุณแดง “ภรภัทร์ นีลพัธน์” และ พันเอก เสรี ทองคู่ หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานภาค 3 ได้รับเกียรติเป็น พิธีกรรุ่นใหญ่ บนเวทีประกวดหนูน้อยราชนิยม งานลอยกระทงวัดราชบูรณะ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุ โลก ซึ่งเป็นกิจกรรมเชื่อมโยงรอยต่อเส้นทางวัฒนธรรมแห่งสายน้ำของจังหวัดพิษณุโลก

ด้วยเทศบาลนครพิษณุโลก จัดงานประเพณีลอยกระทง จังหวัดพิษณุโลก ประจำปี 2568 ขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 พฤศจิกายน 2568 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดพิษณุโลก และการส่งเสริมการท่องเที่ยวในระดับประเทศ ผ่านการจัดกิจกรรมที่เน้นการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยทั้งในระดับท้องถิ่นและสากล ซึ่งจะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมจากนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ กิจกรรมสำคัญที่จัดขึ้นตลอดสามวันได้แก่ การประกวดประดิษฐ์กระทงฝีมือ ตลาดย้อนยุควิถีไทยสองแคว กิจกรรม “ย้อนรอยสองแควลอยประทีปบูชาพระพุทธชินราช” การแสดง Dramatic Light and Sound “สองแควแสงศรัทธาลอยวัฒนธรรมเหนือสายธาร” และกิจกรรมขบวนแห่นางนพมาศและกระทงใหญ่

เพื่อเป็นการ เทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิดิ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง คณะกรรมการจัดงานฯ ได้เพิ่มการแสดงชุดพิเศษในส่วนของการแสดง Dramatic light and Sound “สองแควแสงศรัทธา ลอยวัฒนธรรม เหนือสายธาร” และการแสดงดนตรีเทิดพระเกียรติ “แสงแห่งทิพย์ดนตรี น้อมรำลึกพระพันปีหลวง” ตลอดทุกค่ำคืนของการจัดงาน ทั้งนี้ หลังพิธีเปิด นายบุญเหลือ บารมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก รักษาราชการแทนผู้ว่าจังหวัดพิษณุโลก เป็นผู้นำพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่ากล่าวคำอธิษฐานก่อนทำพิธีลอยกระทง ณ ลำน้ำน่านอย่างเป็นทางการ

จากนั้น เวลา 20.30 น. ณ บริเวณหน้าศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์ นายบุญเหลือ บารมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานเปิดโครงการจัดงานประเพณีลอยกระทงดิจิทัล’ ภายใต้แนวคิด “สืบสานวิถีไทย สู่โลกดิจิทัล”ประจำปี พ.ศ.2568 โดยมี นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก กล่าวรายงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธีเปิดโครงการฯ

ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ได้เล็งเห็น อีกก้าวสำคัญในการประยุกต์วัฒนธรรมสู้โลกติจิทัล จึงได้ดำเนินโครงการ ‘ลอยกระทงดิจิทัล’ ภายใต้แนวคิด “สืบสานวิถีไทย สู่โลกดิจิทัล” เพื่อเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมและสืบสานประเพณีลอยกระทง ให้ทุกคนได้มีโอกาสเรียนรู้ และเข้าถึงวัฒนธรรมที่งดงามของไทย ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการใช้กระทงจริง

ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลกได้นำเสนอทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผ่านกระทงดิจิทัล ส่งเสริมการนำเทคโนโลยี มาสร้างกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เปิดโอกาสให้ผู้คนจากทุกที่สามารถร่วมประสบการณ์ลอยกระทงได้อย่างสะดวก และสนุกสนาน สร้างความรู้สึกเชื่อมโยงและความรักในประเพณีไทย แม้จะอยู่ห่างไกล แต่ก็สามารถเข้าร่วมงานผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลได้


นที มีเดช รายงาน

กองพันทหารม้าที่ 9 นำจิตอาสา บริจาคโลหิต ถวายเป็นพระราชกุศล

กองพันทหารม้าที่ 9 นำจิตอาสา บริจาคโลหิต ถวายเป็นพระราชกุศล พร้อมช่วยเหลืออดีตกำลังพลประสบอุบัติเหตุทางถนน ที่โรงพยาบาลพุทธชินราช ขณะที่ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 4 นำจิตอาสาบริจาคโลหิต ถวายเป็นพระราชกุศล และช่วยเหลือผู้ป่วยผ่าตัดเลือดออกในกระเพาะอาหาร โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 กองพันทหารม้าที่ 9 กองพลทหารราบที่ 4 จัดกำลังพลจิตอาสาพระราชทาน จำนวน 4 นาย บริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ครบ 100 ปี และ”โครงการจิตอาสาบริจาคโลหิต เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ครบ 70 พรรษา” โดยบริจาคให้กับ ร.ต.ชูชาติ ต่ายยงค์ อดีตกำลังพลของกองพันทหารม้าที่ 9 กองพลทหารราบที่ 4 ซึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ กำลังพลสามารถบริจาคโลหิตได้ จำนวน 4 นาย ได้ปริมาณโลหิตรวมทั้งสิ้น 1,800 ซีซี ณ โรงพยาบาลพุทธชินราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก

ขณะที่ พันโท อนุพงษ์ ช่วยอยู่ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 4 มอบหมายให้กำลังพลจิตอาสาพระราชทาน จำนวน 7 นาย ร่วมบริจาคโลหิตให้กับ นางบังอร ภาคภูมิ ซึ่งต้องผ่าตัดกรณ๊เลือดออกในกระเพาะอาหาร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ครบ 100 ปี 20 กันยายน 2568 , โครงการ “70 พรรษา 70 ล้านซีซี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี” เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ ทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา 2 เมษายน 2568 และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ตำบลท่าโพธ์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยได้โลหิตได้ปริมาณ 3,150 ซีซี


นที มีเดช รายงาน

ศอ.จอส.พระราชทานอุทัยธานี ร่วมอำนวยความสะดวก สนับสนุนพิธีรับสิ่งของพระราชทาน มอบแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย จังหวัดอุทัยธานี

ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานจังหวัดอุทัยธานี นำจิตอาสาพระราชทาน และจิตอาสา 904 ร่วมอำนวยความสะดวก สนับสนุนพิธีรับสิ่งของพระราชทาน มอบแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย จังหวัดอุทัยธานี

เมื่อวันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์เชิญสิ่งของพระราชทาน มอบแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ ถึงสนามบินชั่ว คราว ที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดอุทัยธานี เวลา 08.00 น. โดยมีนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี, นายจำลอง แก้วนาง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดอุทัยธานี , พล.ต.อภิเดช ผลทวี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ที่ 31, พล.ต.ต.ธนานันท์วิชญ์ ศรีบุญเรือง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุทัยธานี ร่วมรับองคมนตรี จากนั้นเดินทางถึง ที่ว่าการอำเภอเมืองอุทัยธานี เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดอุทัยธานี และเดินทางไปยังหอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองอุทัยธานี

โดย นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี กล่าวต้อนรับ รายงานสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น และกล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ องคมนตรีกล่าวถึงวัตถุประสงค์ และเชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในการนี้เชิญสิ่งของพระราชทาน จำนวน 793 ชุด โดยเชิญสิ่งของพระราช ทานแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ผู้แทนผู้ประสบภัยอำเภอเมืองอุทัยธานี ผู้แทนผู้ประสบภัยอำเภอบ้านไร่ และมอบให้แก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเมืองอุทัยธานี ซึ่งต่างซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรชาวอุทัยธานี ที่ประสบอุทกภัยนับเป็นขวัญและกำลังใจอย่างสูงสุดแก่ประชาชนที่ได้รับสิ่งของพระราชทานดังกล่าว ในการนี้ ว่าที่ร้อยตรีทนงศักดิ์สุวรรณเตมีย์ หน.สนง.ปภ.จังหวัดอุทัยธานี คณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจำจังหวัด ศาล ทหาร ตำรวจ นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการและประชาชนร่วมในพิธี

ต่อจากนั้น องคมนตรี พร้อมคณะลงพื้นที่มอบสิ่งของพระราชทานแก่ประชาชนในพื้นที่อำเภอเมืองอุทัยธานี จำนวน 2 ราย ได้แก่ ผู้สูงอายุ นายไพโรจน์ เชตุใจ บ้านเลขที่ 40/2 หมู่ที่ 1 ตำบลหาดทนง อายุ 83 ปี และผู้สูงอายุและพิการ นายวิเชียร อินชู บ้านเลขที่ 42/2 หมู่ที่ 1 ตำบลหาดทนง อายุ 74 ปี

โอกาสนี้ ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยจิตอาสา 904 จังหวัดอุทัยธานี ร่วมอำนวยความสะดวกและดูแลประชาชนที่เข้าร่วมรับสิ่งของพระราชทาน มอบแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ในครั้งนี้ด้วย


กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 เชิญชวนชาวพิษณุโลก เลือกชมและซื้อผักปลอดสารพิษสดใหม่ จากหน่วยทหารใน โครงการทหารพันธุ์ดี ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพิษณุโลก

กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ขอเชิญชวนประชาชนชาวพิษณุโลก ครอบครัวผู้ที่รักสุขภาพทุกท่าน เลือกชม และซื้อผักปลอดสารพิษสดใหม่ จากหน่วยทหารใน โครง การทหารพันธุ์ดี ที่ Top Supermarket และตลาดจริงใจ ภายในศูนย์การค้าเซ็น ทรัลพิษณุโลก

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน 2568 โรงคัดบรรจุ​สินค้า​ทางการ​เกษตร​ กองทัพภาคที่ 3 ซึ่งดำเนินการโดย กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ขอเชิญชวนประชาชนชาวพิษณุโลก ครอบครัวผู้ที่รักสุขภาพทุกท่าน เลือกชม และซื้อผักปลอดสารพิษสดใหม่ จากหน่วยทหารใน โครง การทหารพันธุ์ดี ผักสด อร่อย ปลอดภัย ดีต่อสุขภาพ จำหน่ายในราคาถูก ได้ทุกวัน วางจำหน่ายที่ “จุดแสดงสินค้าผักปลอดสาร Tops Supermarket และ ตลาดจริงใจ ภายในห้างเซ็นทรัล” อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก..

และ โรงคัดบรรจุสินค้าทางการเกษตร กองทัพภาคที่ 3 ซึ่งดำเนินการโดย กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ดำเนินการเตรียมการจัดส่งผลผลิตทางการเกษตรจากหน่วยในโครงการทหารพันธุ์ดี คัดคุณภาพตามมาตรฐาน และบรรจุ เพื่อนำส่ง วังสระปทุม กรุงเทพฯ สำหรับผลิตผักดองสูตรพระราชทาน ครั้งที่ 6 ซึ่งการดำเนินการคัดและบรรจุ เพื่อเตรียมนำส่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และจะนำส่งโดยกำลังพลจาก กองพันซ่อมบำรุงที่ 23 กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ณ โรงคัดบรรจุสินค้าทางการเกษตร กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก


นที มีเดช รายงาน

สำนักพระราชวัง ขอแจ้งเส้นทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตั้งแต่วันที่ 9 พย.68 เป็นต้นไป

สำนักพระราชวัง ขอแจ้งเส้นทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง และเส้นทางเดินเยี่ยมชม สำหรับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป

วันพฤหัสบดี 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 สำนักพระราชวัง ได้กำหนดเวลาและเส้นทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ ตลอดจนเส้นทางเดินเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดารามสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป ดังนี้

  • การเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี นาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
    • เปิดให้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 21.00 น.
    • ต้องผ่านจุดคัดกรองและรับการจัดลำดับการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ ภายในโถงอุโมงค์ทางเดินลอดถนนหน้าพระลาน
    • เข้าทางประตูมณีนพรัตน์ และเดินตามเส้นทางที่สำนักพระราชวังกำหนด
    • โปรดแต่งกายสุภาพไว้ทุกข์ สุภาพบุรุษงดสวมกางเกงยีนส์ สุภาพสตรีสวมกระโปรงหรือผ้านุ่งเท่านั้น
  • การเดินเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป
    • เปิดให้เข้าชมฯ ได้ตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 08.30 -15.30 น.
    • เข้าทางประตูมณีนพรัตน์ และผ่านจุดคัดกรองตามมาตรการรักษาความปลอดภัย
    • งดเข้าชมพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
    • ให้นักท่องเที่ยวเดินออกทางถนนจักรีจรัณย์ ผ่านประตูพิมานไชยศรี เลี้ยวซ้ายหน้าหอรัษฎากรพิพัฒน์ เพื่อเข้าชมพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และเดินออกพระบรมมหาราชวังทางประตูวิมานเทเวศร์