“ดร.รวีวรรณ” เข้ารับตำแหน่ง ปลัด ทส. วันแรก สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้บริหาร – เจ้าหน้าที่ต้อนรับอบอุ่น ย้ำหลักการทำงาน “โปร่งใส เป็นธรรม ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ คำนึงถึงประชาชนเป็นสำคัญ”

“ดร.รวีวรรณ” เข้ารับตำแหน่ง ปลัด ทส. วันแรก สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้บริหาร – เจ้าหน้าที่ต้อนรับอบอุ่น ย้ำหลักการทำงาน “โปร่งใส เป็นธรรม ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ คำนึงถึงประชาชนเป็นสำคัญ”

วันทึ่ 8 ธันวาคม 2568 เวลา 09.30 น. ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าปฏิบัติหน้าที่ ณ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นวันแรก ภายหลังได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงฯ ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2568 โดยได้ประกอบพิธีสักการะ พระพุทธสยัมภู พระพุทธรูปประจำกระทรวงฯ และไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ในโอกาสนี้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ให้เกียรติเข้าร่วมในพิธีและแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ณ บริเวณด้านหน้าอาคารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ดร.รวีวรรณฯ ได้กล่าวถึงแนวทางการขับเคลื่อนงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่าจะมุ่งผลักดันให้กระทรวงฯ เดินหน้าทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างเข้มแข็ง ทั้งในการแก้ไขปัญหามลพิษ การจัดการทรัพยากร และการอนุรักษ์ป่าไม้ของประเทศ พร้อมย้ำถึงหลักการทำงาน “ที่โปร่งใส เป็นธรรม ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ และคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสำคัญ” โดยภารกิจที่สำคัญเร่งด่วนหลังจากนี้ คือ การจัดการปัญหาฝุ่น PM2.5 และมลพิษทางอากาศ การอนุรักษ์พื้นที่ป่า ควบคู่กับการคืนสิทธิ์แก่ประชาชน ให้สามารถมีที่อยู่อาศัยและทำกินได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้คนและป่าอยู่ร่วมกันและเกิดการอนุรักษ์พื้นที่ป่าอย่างยั่งยืน


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดศูนย์บริการ “ซ่อม สร้าง สุข” ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ประชาชนเข้ารับบริการกว่า 3 พันคน ลดค่าใช้จ่ายกว่าล้านบาท

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์บริการ “ซ่อม สร้าง สุข” ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคใต้ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ตามนโยบายมาตรการฟื้นฟูเร่งด่วนของนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ปัจจุบันมีผู้เข้ารับบริการ จำนวน 3,590 คน ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม จำนวน 1,231,107 บาท

นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยประชาชนเป็นอย่างมาก จึงได้มีมาตรการฟื้นฟูเร่งด่วน หลังน้ำลด เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดภาคใต้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงได้จัดตั้งศูนย์บริการ “ซ่อม สร้าง สุข” ใน 9 จังหวัดภาคใต้ ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ประกอบด้วย จังหวัดสงขลา, จังหวัดนครศรีธรรมราช, จังหวัดสุราษฎร์ธานี, จังหวัดปัตตานี, จังหวัดยะลา, จังหวัดพัทลุง, จังหวัดตรัง, จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดสตูล โดยได้ระดมช่าง เจ้าหน้าที่ วิทยากร เครือข่ายจิตอาสาจากทั่วประเทศ มาบริการช่วยเหลือซ่อมแซมอุปกรณ์ทำมาหากิน รถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมไปถึงระบบประปาให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ในครั้งนี้

นายสมาสภ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการจัดตั้งศูนย์บริการ “ซ่อม สร้าง สุข” ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา มีผู้เข้ารับบริการ จำนวน 3,590 คน อุปกรณ์ให้ซ่อมกว่า 4,000 รายการ ซึ่งประชาชนสามารถลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ ไปได้จำนวน 1,231,107 บาท จังหวัดที่มีผู้เข้ารับบริการมากที่สุด คือ จังหวัดสตูล จำนวน 685 คน, จังหวัดยะลา จำนวน 641 คน ,จังหวัดสงขลา จำนวน 525 คน, จังหวัดนราธิวาส จำนวน 423 คน, จังหวัดปัตตานี จำนวน 420 คน, จังหวัดตรัง จำนวน 310 คน, จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 291 คน, จังหวัดพัทลุง จำนวน 157 คน และจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 138 คน ตามลำดับ อุปกรณ์ที่ประชาชนนำมาให้ซ่อมมากที่สุด คือ รถจักรยานยนต์ รองลงมา คือ อุปกรณ์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์การเกษตร ตามลำดับ

สำหรับผู้ประสบอุทกภัยทั้ง 9 จังหวัด ที่ได้รับความเดือดร้อน และมีรถจักรยานยนต์ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ได้รับความเสียหาย สามารถติดต่อเข้ารับบริการได้ ณ ศูนย์บริการทั้ง 9 จังหวัด ซึ่งสามารถสอบถามได้ที่สถาบันและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานทั้ง 9 จังหวัดภาคใต้ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่เพจเฟซบุ๊กกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน https://www.facebook.com/dsdgothai


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

มทร.ธัญบุรี–บพค.–เกษตรภัณฑ์ ผนึกพลังปั้นคนสาย AI ชู 8 นวัต กรรม พลิกโฉมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารไทย

มทร.ธัญบุรี–บพค.–เกษตรภัณฑ์ ผนึกพลังปั้นคนสาย AI ชู 8 นวัตกรรม พลิกโฉมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารไทย

อุตสาหกรรมเกษตรและอาหารของไทยคึกคักอีกครั้ง เมื่อมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) ผนึกความร่วมมือกับ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน (บพค.) และ บริษัท เกษตรภัณฑ์อุตสาหกรรม จำกัด เปิดตัวผลสำเร็จโครงการ Power AI Innovation for Agro & Food Business พร้อมโชว์การปั้นบุคลากร AI ระดับทักษะสูงถึง 565 คน และนำเสนอ 8 โครงการนวัตกรรมต้นแบบ ที่พร้อมนำไปใช้จริงในสายงานอุตสาห กรรมได้ทันที ณ ทรูดิจิทัล พาร์ค กทม. ไฮไลต์สำคัญคือการสร้างผลงานต้นแบบ AI มาก กว่า 30 โครงการ โดยมีถึง 8 นวัตกรรมที่พร้อมใช้งานจริง ในภาคอุตสาหกรรมทันที ตอกย้ำพลัง “3 ประสาน” ระหว่างรัฐ–สถาบันการศึกษา–เอกชน ที่ช่วยยกระดับศักยภาพบุคลากรไทยสู่เทคโนโลยีอนาคต ด้วยโจทย์จริงจากโรงงาน

นายวีรชัย รัตนบานชื่น รองประธานกรรมการ กลุ่มธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะประธานเปิดงาน Power AI ได้เน้นย้ำถึงประเด็นสำคัญว่า เป้าหมายของการสร้างบุคลากรทักษะสูงด้าน AI ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาในโรงงาน แต่เพื่อ “ยกมาตรฐานอุตสาหกรรมเกษตร–อาหารของไทยทั้งระบบ” ผ่านการใช้นวัตกรรมที่พัฒนาโดยคนไทยเอง สร้างความยั่งยืนและเสริมความมั่นใจให้ภาคธุรกิจ งานครั้งนี้ยังเป็นเวทีเชื่อมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันอุตสาห กรรมไทยสู่การแข่งขันระดับสากลด้วย AI

ด้าน รศ.ดร.เกียรติศักดิ์ แสงประดิษฐ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มทร.ธัญบุรี ในฐานะหัวหน้าโครงการ เผยว่า ความสำเร็จครั้งนี้เกิดจากรูปแบบการเรียนรู้แบบ Work-based Learning ที่ใช้ “โจทย์จริงจากโรงงาน” ของเกษตรภัณฑ์เป็นฐาน ทำให้ผู้เข้าอบรมได้ฝึกแก้ปัญหาจริง เกิดนวัตกรรมที่นำไปต่อยอดได้ทันที การที่ 8 โครงการพร้อมใช้งานจริง นี่คือหลักฐานชัดเจนว่า เมื่อภาครัฐ–เอกชน–มหาวิทยาลัย ร่วมกันวางแผนและขับเคลื่อน เราสามารถสร้างนักพัฒนา AI ที่ทำงานในอุตสาหกรรมได้จริงในเวลาอันสั้น

รศ.ดร.เกียรติศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับ 8 นวัตกรรม AI พร้อมใช้งานจริง พลิกสมรภูมิอุตสาหกรรมเกษตร–อาหาร ที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมจริง เช่น “The Sixth Sense: AI ฟาร์มไก่อัจฉริยะ” ระบบมอนิเตอร์สภาพฟาร์มแบบเรียลไทม์ เพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงและลดความเสี่ยง / “AI Tracking for Feed Truck Manufacturing” ระบบติดตามสถานะการผลิตรถบรรทุกอาหารสัตว์ ช่วยลดต้นทุน-เพิ่มความแม่นยำในการบริหารไลน์ผลิตนอก จากนี้ยังมีโครงการด้านความปลอดภัย งานวิศวกรรม และบริการ ที่ใช้ AI เป็นตัวช่วยตัดสินใจ ช่วยยกระดับกระบวนการผลิตแบบก้าวกระโดด

ภายในงานยังมีการบรรยายพิเศษ โดยเริ่มต้นจาก รศ.ดร.นพพร ลีปรีชานนท์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ที่มาเผยหัวข้อ “พลิกโฉมงานวิจัยสู่การสร้างผลงานด้าน AI ระดับเซียน ตามด้วย ดร.วิบูลย์ รักสาสน์เจริญ ผล รองเลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ได้นำเสนอ ‘แนวทางการส่งเสริมเทคโนโลยี AI ในอุตสาหกรรมของประเทศไทย’ และการชี้แจงประเด็นสำคัญจาก ดร.รัฐภูมิ ตู้จินดา รองผู้อำนวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) เรื่อง ‘บทบาทของ บพค. ในการขับเคลื่อนการพัฒนากำลังคนทักษะสูงในอุตสาหกรรม AI’ ซึ่งเน้นย้ำถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการใช้ AI ขับเคลื่อนประเทศอย่างแท้จริง

ความร่วมมือของทั้งสามภาคส่วน แสดงให้เห็นการร่วมกันในการยกระดับอุตสาหกรรมเกษตร–อาหารไทยสู่ยุค AI ผ่านการพัฒนาคนอย่างจริงจังและการผลักดันนวัตกรรมที่คนไทยสร้างเองและใช้ได้จริงในภาคการผลิต ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ พัฒนาสู่ความร่วมมือใหม่ ๆ ที่จะต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวหน้าและยั่งยืนยิ่งขึ้น


ฝ่ายข่าวกองประชาสัมพันธ์ มทร.ธัญบุรี

สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

ลุ้นหัวใจแทบวาย ! เบสบอลชายไทย แซง สิงคโปร์ ระทึก 6-4 รัน คว้าชัย 4 นัดรวดซีเกมส์

ทีมเบสบอลชายไทย ลุ้นหัวใจแทบวาย แซงชนะ สิงคโปร์ สุดระทึก 6-4 รันคว้าชัย 4 นัดรวด โอกาสเข้าชิงสดใส ศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 33

การแข่งขัน เบสบอลชาย ในมหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 60 พรรษา อำเภอธัญบุรี (รังสิต คลอง 6) เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2568 ทีมชาติไทย ลงสนามนัดที่ 4 พบกับ ทีมชาติสิงคโปร์

ผลงานที่ผ่านมาของทั้งสองทีม ทีมชาติไทย ชนะน็อก เวียดนาม 16-0,ชนะน็อก สปป.ลาว 12-1,ชนะ อินโดนีเชีย 10-1 ส่วน สิงคโปร์ ชนะ สปป.ลาว 13-1,แพ้ ฟิลิปปินส์ 3-17,ชนะ เวียดนาม 19-12

เกมนี้ ไทย โดน สิงคโปร์ นำไปก่อน 0-3 และ 2-4 ก่อนฮึดไล่มาตีเสมอ 4-4 ในอินนิ่งที่ 7 และแซงเอาชนะ สิงคโปร์ ไปได้สุดระทึก 6-4 รัน ส่งผลให้ ทีมชาติไทย คว้าชัยชนะ 4 นัดรวด โอกาสเข้าชิงชนะเลิศสดใส

จบเกม พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส นายกสมาคมกีฬาเบสบอลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “วันนี้เป็นอีกหนึ่งเกมที่ทีมของเราต้องออกแรงไม่น้อย ช่วงต้นเกมเราถูกนำไปก่อนถึง 3-0 รัน แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการประสานงานที่ดีของทุกคน เราค่อยๆ ไล่ตามจนสามารถพลิกสถาน การณ์กลับมา และคว้าชัยชนะได้สำเร็จในท้ายที่สุด โดยวันพรุ่งนี้เราจะเจอกับแชมป์เก่า ฟิลิปปินส์ ฝากติดตามชมและเชียร์น้อง ๆ ทีมเบสบอลชายไทยกันด้วยครับ”

สำหรับโปรแกรมนัดต่อไป ทีมชาติไทย จะพบกับแชมป์เก่า ฟิลิปปินส์ ในวันที่ 10 ธันวาคม 2568 และนัดสุดท้าย พบ มาเลเซีย ในวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ซึ่งทั้งสองนัด แข่งขันเวลา 14.00 น. ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 60 พรรษา อำเภอธัญบุรี (รังสิต คลอง 6)

ทั้งนี้ เบสบอลชาย ในซีเกมส์ครั้งที่ 33 มี 7 ชาติร่วมชิงชัย แข่งขันแบบพบกันหมด โดยทีมอันดับ 1 และ 2 จะผ่านเข้าสู่รอบชิงเหรียญทอง ส่วนทีมอันดับ 3 และ 4 จะชิงเหรียญทอง แดง

ติดตามความเคลื่อนไหวสมาคมเบสบอลแห่งประเทศไทยได้ที่
https://www.facebook.com


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

เด็กจัดการฯ ม.ศิลปากร คว้าเหรียญทอง สาขา Restaurant Service การแข่งขัน World Skills Asia Taipei 2025

เด็กจัดการฯ ม.ศิลปากร คว้าเหรียญทอง สาขา Restaurant Service การแข่งขัน WorldSkills Asia Taipei 2025

มหาวิทยาลัยศิลปากร ขอแสดงความภาคภูมิใจและยินดีอย่างยิ่งกับความสำเร็จระดับนานา ชาติของ นางสาวพัชรมล ลิ่มทอง นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาการจัดการโรงแรม ที่สามารถคว้ารางวัลเหรียญทอง (Gold Medal) สาขา Restaurant Service จากเวทีการแข่งขัน World Skills Asia Taipei 2025 ครั้งที่ 3 ณ กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน

นางสาวพัชรมล ลิ่มทอง ได้แสดงศักยภาพและทักษะด้านการบริการอาหารและเครื่องดื่มอย่างยอดเยี่ยมเหนือคู่แข่งจากประเทศอื่น ๆ ในทวีปเอเชีย ในการแข่งขัน WorldSkills Asia Taipei 2025 ครั้งที่ 3 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-29 พฤศจิกายน 2568 ณ Taipei Nangang Exhibition Center

ซึ่งการแข่งขันในสาขา Restaurant Service เป็นการวัดความสามารถรอบด้านของนัก ศึกษาในทักษะงานบริการที่เป็นเลิศ ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานการเรียนการสอนที่เข้มข้นของสาขาวิชาการจัดการโรงแรม คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปา กร ที่มุ่งเน้นทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเพื่อผลิตบุคลากรคุณภาพสู่ตลาดแรงงานระดับสา กล 

โดยรางวัลเหรียญทองในเวทีระดับเอเชียนี้ไม่เพียงแต่เป็นความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่น ทุ่มเท และพรสวรรค์ของนักศึกษาไทยในสาขาบริการ ซึ่งนับเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ ทั้งยังเป็นการส่งต่อแรงบันดาลใจที่ดีเยี่ยมให้กับนักศึกษารุ่นต่อๆ ไป


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

รองอธิบดี กพร. ลงพื้นที่เชียงใหม่ ติดตามผล MOU พัฒนาช่างและบริการ พร้อมรับมอบอุปกรณ์ช่างสนับสนุนการฝึกอบรม

รองอธิบดี กพร. ลงพื้นที่เชียงใหม่ ติดตามผล MOU พัฒนาช่างและบริการ พร้อมรับมอบอุปกรณ์ช่างสนับสนุนการฝึกอบรม

วันที่ 9 ธันวาคม 2568 นายภัทรวุธ เภอแสละ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาฝีมือแรงงานในกลุ่มช่าง งานสนับสนุนช่าง และงานบริการลูกค้า ณ ศูนย์บริการซัมซุง จังหวัดเชียงใหม่ และสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 19 เชียงใหม่ โดยมี นายเด่นดวง ลำเพยพล ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 19 เชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ นายธนากร สุขศรี รองผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท ไทย ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวถึงวัตถุประสงค์การดำเนินงาน

นายภัทรวุธ เภอแสละ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า ในนามของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานผมขอขอบคุณบริษัท ไทย ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้การสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ช่างเครื่องปรับอากาศ จำนวน 5 ชุด (22 รายการ) มูลค่า 174,287 บาท (หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นสี่พันสองร้อยแปดสิบเจ็ดบาทถ้วน) เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาฝีมือแรงงานช่างเครื่องปรับอากาศตามแผนงานปกติของกรมพัฒนาฝีมือแรง งาน และเข้าร่วมติดตามผลการดำเนินงานตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาฝีมือแรงงานในกลุ่มช่าง งานสนับสนุนช่าง และงานบริการลูกค้า ในวันนี้ ต้องขอแสดงความชื่นชมบริษัท ไทย ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ในฐานะสถานประกอบกิจการเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ ในประเทศไทยที่เห็นความสำคัญในการพัฒนาฝีมือแรงงาน และได้บูรณาการความร่วมมือร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาร่วมกันจัดฝึกอบรมหลักสูตรการติดตั้งและซ่อมบำรุงเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก การซ่อมบำรุงโทรศัพท์เคลื่อนที่ซัมซุง และการติดตั้งและซ่อมบำรุงรักษาจอแสดงผลเพื่อประชาสัมพันธ์ มีผู้ผ่านการฝึกอบรม จำนวน 361 คน และบริษัทยังมอบชุดเครื่องมือและเครื่องปรับอากาศซัมซุง มูลค่ากว่า 1.6 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาฝีมือแรงงานช่างเครื่องปรับอากาศ

นายภัทรวุธฯ กล่าวต่อไปว่า การบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเป็นนโยบายหลักประการหนึ่งของรัฐบาล ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานมาตลอด รวมทั้งได้ตระหนักเสมอว่าภาคเอกชนมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการพัฒนากำลังแรงงานของประเทศ ดังนั้น การสนับสนุนของบริษัท ไทย ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด จึงเป็นความร่วมมือที่ช่วยผลักดันให้กำลังแรงงานได้มีโอกาสพัฒนาทักษะฝีมือให้มีความเป็นมืออาชีพ อันเป็นการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานของประเทศให้มีศักยภาพสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานจะนำเครื่องมือและอุปกรณ์ช่างเครื่องปรับอากาศที่ได้รับมอบในครั้งนี้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อจัดทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ระดับ 1 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และสร้างสรรค์สังคมตามเจตนารมณ์ของบริษัทต่อไป

“กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ขอขอบคุณบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนอันดีอย่างเสมอมา ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มทักษะและผลิตภาพแรงงาน แต่ยังช่วยสร้างแรงงานคุณภาพที่ตรงกับความต้องการของตลาด และสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคอีกด้วย” นายภัทรวุธฯ กล่าวในตอนท้าย


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

“เสี่ยโก้” โปรโมเตอร์มวยโลก ร้องนายกฯ โดน บริษัทโฆษณาชื่อดัง ร่วมเจ้าหน้าที่รัฐโกง สู้มา 10 ปี ไม่ได้รับความเป็นธรรม

“เสี่ยโก้” นายก่อเกียรติ พาณิชยารมณ์ โปรโมเตอร์มวยโลกรางวัลยอดเยี่ยมของเอเชีย 3 สถาบัน เดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรม ในวันคอร์รัปชั่นสากล (ประเทศ ไทย) พร้อมหอบหลักฐานเหตุการณ์ บ.แพลน บีฯ ร่วมมืออดีตเจ้าหน้าที่ภาครัฐปลอมแปลงเอกสารสำคัญ ทำให้ตนเสียหายกว่า กว่า 5,000 ล้านบาท และภาครัฐสูญรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท

วันที่ 9 ธ.ค.2568 ที่ ฮอลล์ 4 อิมแพค เมืองทองธานี รัฐบาล ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช., สำนัก งาน ป.ป.ท., องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นประเทศไทย และภาคีเครือข่าย ร่วมจัดงาน “วันต่อค้านคอร์รัปชั่นสากล (ประเทศไทย) ภายใต้แนวคิด “HERO OF THE TRUTH ร่วมหยุดคอร์รัปชั่น” โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งโอกาสนี้ “เสี่ยโก้” นายก่อเกียรติ พาณิชยารมณ์ โปรโมเตอร์มวยโลก ของ “ก่อเกียรติ บ็อกซิ่ง กรุ๊ป จำกัด” เตรียมนำหลักฐาน บริษัทโฆษณาชื่อดัง ร่วมอดีตผู้บริหารของรัฐ ทุจริตสัมปทานโฆษณา บนรถเมล์ ขสมก. และตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจนเกิดความเสียหายมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท และทำให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท จากการกระทำของ บริษัทโฆษณาชื่อดัง และอดีตผู้บริหารของรัฐ-เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ที่รัฐร่วมทุจริตปลอมลายเซ็นต์นายก่อเกียรติฯ และภรรยาเพื่อยึดครองสัมปทานโฆษณาบนรถเมล์ ขสมก. ก่อให้เกิดความเสียหายตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5 มีการทุจริตภายในร่วมกับภาคเอกชนร่วมการปลอมแปลงและเปลี่ยนแปลงเอกสารทางราชการจำนวนมาก

เหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องจาก บริษัท ก่อเกียรติ กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้ได้รับสัมปทานบนรถเมล์ ขสมก. ซึ่งจำนวนรถที่จะติดป้ายโฆษณาเพิ่มขึ้นตามสัญญาแต่ละช่วง ก่อนที่ บริษัทโฆษณาชื่อดัง และอดีตผู้บริหารของรัฐได้เร่งขยายสัญญาโฆษณาล่วงหน้า 5 ปี และมีการเปลี่ยน แปลงอัตราค่าตอบแทนกับจำนวนรถที่โฆษณา ทำให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่ ขสมก.ได้รับ เมื่อเทียบกับรายได้ของ บริษัทโฆษณาชื่อดัง ทำให้ บริษัท ก่อเกียรติ กรุ๊ป จำกัด ต้องเป็นผู้รับผิดชอบกรณีการขาดทุนที่จะเกิดขึ้นในเวลาอีก 10 ปี 

ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นเจตนาทุจริตร่วมกันระหว่าง บริษัทโฆษณาชื่อดัง และ อดีตผู้บริหารของรัฐ ด้วยการปลอมลายเซ็นต์ นายก่อเกียรติ พาณิชยารมณ์ และภรรยา เพื่อถือครองสัมปทานโฆษณาบนรถเมล์ ขสมก.โดยมิชอบด้วยการเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้น จนทำให้เกิดความเสียหายมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท และความเสียหายต่อภาครัฐไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท

นายก่อเกียรติ พาณิชยารมณ์ เผยว่า ตนเองเชื่อมั่นในระบบความยุติธรรมของประเทศไทยมาโดยตลอด และในวันที่ 9 ธันวาคม ซึ่งเป็น “วันคอร์รัปชั่นสากล” (ประเทศไทย) ได้มีการจัดกิจกรรม “HERO OF THE TRUTH” ร่วมหยุดคอร์รัปชั่น เพื่ออนาคตไทยที่โปร่งใสและยั่งยืน ที่ ฮอลล์ 4 อาคารศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี เวลา 09.00 น. โปรโมเตอร์มวยโลกรางวัลยอดเยี่ยมของเอเชีย 3 สถาบัน จึงเดินทางมาพบกับ นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องขอความเป็นธรรม และยังเป็นการแสดงออกที่ชัดเจนของรัฐบาลที่ต้องการปราบปรามการทุจริตคิดมิชอบ เพื่อสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมที่บริสุทธิ์ยุติธรรม ประชาชนทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาคไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขสืบไป


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

นายอำเภอกำแพงแสน เข้าพบผู้บัญชาการโรงเรียนการบิน เพื่ออำลาเนื่องในโอกาสย้ายไปรับดำรงตำแหน่งนายอำเภอนครชัยศรี

นายอำเภอกำแพงแสน เข้าพบผู้บัญชาการโรงเรียนการบินเพื่ออำลาเนื่องในโอกาสย้ายไปรับดำรงตำแหน่งนายอำเภอนครชัยศรี

วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2568 เวลา 09.30 น. นายนรวีร์ ขันธหิรัญ นายอำเภอกำแพ งแสน เข้าพบ พลอากาศตรี ดิษฐพล ชูวงษ์ ผู้บัญชาการโรงเรียนการบิน เพื่ออำลาเนื่องในโอกาสย้ายไปดำรงตำแหน่ง นายอำเภอนครชัยศรี ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป ณ ห้องรับรองกองบัญชาการโรงเรียนการบิน ตำบลกระตีบ อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนคร ปฐม

ในการนี้ นายอำเภอกำแพงแสน ได้ร่วมพูดคุยและกล่าวขอบคุณถึงความร่วมมืออย่างดียิ่งในการสนับสนุนภารกิจของกำลังพล ในภารกิจบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ของอำเภอกำแพงแสนตลอดระยะการปฏิบัติราชการที่ผ่านมา


สมคิด พรมมี ผู้สื่อข่าว นครปฐม

อบต.ทุ่งขวาง จัดโครงการ “ส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุ” ให้กับผู้สูงอายุในชุมชน

อบต.ทุ่งขวาง จัดโครงการส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมโรงเรียนผู้สุงอายุให้กับผู้สูงอายุในชุมชน

วันอังคาร ที่ 9 ธันวาคม 2568 เวลา 09.00 น .องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งขวาง ได้ดำเนินการจัดโครงการส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุ ประจำเดือน ธันวาคม 2568 โดยมีนายสุนทร สมัยนิยม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งขวาง เป็นประธานกล่าวเปิดโครง การ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร นายพุธิชัย หนุ่มกันนา รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งขวาง, นางสาววรรณภา คำดี รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งขวาง, นางสาวอำพร อินทร์คง เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งขวาง, นายจอมใจ กองเกตุใหญ่
ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งขวาง, นางแสงเทียน เศรษฐวิทยา รองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งขวาง และผู้นำชุมชน, ชมรมผู้สูงอายุ, เจ้าหน้าที่ อบต.ทุ่งขวาง, เจ้าหน้าที่ รพ.สต.ทุ่งขวาง เข้าร่วมกิจกรรม ณ ศาลาเอนกประสงค์หมู่ที่ 6


สมคิด พรมมี ผู้สื่อข่าว นครปฐม

ร.ร.บ้านเนินมะค่า พร้อมร.ร.บ้านบัววัฒนา ร่วมกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ-เนตรนารี

เพชรบูรณ์ – โรงเรียนบ้านเนินมะค่า พร้อมด้วยโรงเรียนบ้านบัววัฒนา ร่วมกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ-เนตรนารี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสนามโรงเรียนบ้านเนินมะค่า นำโดย นายชนินทร์ วงศ์แก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเนินมะค่า คณะครู บุคลากรทางการศึกษา ได้จัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือสำรอง ลูกเสือสามัญ และเนตรนารี ประจำปีการศึกษา 2568 ณ ค่ายลูกเสือชั่วคราวโรง เรียนบ้านเนินมะค่า หมู่ 3 ตำบลบัววัฒนา อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ในระหว่างวันที่ 4 – 5 ธันวาคม 2568 เพื่อให้นักเรียน ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบของลูกเสือ-เนตรนารี สร้างวินัยให้กับนักเรียน ส่งเสริมให้รู้จักช่วยเหลือตนเอง และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข

พร้อมกันนี้ โรงเรียนบ้านบัววัฒนา นำโดย นางสาวนุชจิรา จันทร์โคตร ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบัววัฒนา พร้อมคณะครู ได้ร่วมนำนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 ประจำปีการศึกษา 2568 ทำกิจกรรม เข้าค่ายลูกเสือ-เนตรนารี ณ ค่ายลูกเสือชั่วคราวโรงเรียนบ้านเนินมะค่า ์เพื่อให้นักเรียนได้ตระหนักในระเบียบวินัย หน้าที่ความรับผิดชอบ ให้นักเรียนได้แสดงความสามารถในด้านต่างๆ ตลอดจนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ และปฏิบัติได้จริงในชีวิตประจำวัน


มนสิชา คล้ายแก้ว รายงาน